SAF รุกขยายฐานลูกค้า-คลังสินค้าใหม่ ตั้งเป้า 2 ปียอดขายโต 28%

เอส เอ เอฟ
แฟ้มภาพ

บมจ.เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล หรือ SAF เข้าจดทะเบียนวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วางเป้าหมายการเติบโตมุ่งเจาะฐานลูกค้าใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักของประเทศ “ชิ้นส่วนยานยนต์-วัสดุก่อสร้าง-อาหาร” เตรียมลงทุนขยายคลังสินค้าแห่งใหม่รองรับดีมานด์ ตั้งเป้า 2 ปียอดขายเติบโตเฉลี่ย 23-28% ต่อปี

วันที่ 19 มกราคม 2566 นายพิศิษฐ์ อริยเดชวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ SAF เปิดเผยว่า บริษัทได้นำหุ้น SAF เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก (19 มกราคม 2566) ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1.93 บาท

นับเป็นก้าวสำคัญและความภาคภูมิใจของคณะผู้บริหาร ทีมงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมกับความสำเร็จครั้งนี้ โดยบริษัทพร้อมนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 30 ปีในการจำหน่ายเหล็กกล้าเกรดพิเศษและให้บริการอบชุบสุญญากาศ ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเหล็กกล้าเกรดพิเศษคุณภาพสูงจากบริษัทระดับโลกในประเทศเยอรมนี อาทิ

DÖRRENBERG EDELSTAHL GmbH และ WILHELM OBERSTE-BEULMANN GmbH เพื่อต่อยอดการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ด้วยความมุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและบริการที่มีคุณภาพสูง มุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพบุคลากรและกระบวนการดำเนินงานอย่างครบวงจร ตลอดจนให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (ESG)

ภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ SAF วางเป้าหมายขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นเจาะฐานลูกค้าใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักของประเทศที่มีศักยภาพสูง ได้แก่

1) อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งมีความต้องการนำเหล็กกล้าเกรดพิเศษไปใช้ทำเป็นแม่พิมพ์เพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และเครื่องจักรกลการเกษตร

2) อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมีความต้องการนำเหล็กกล้าเกรดพิเศษไปใช้เป็นแม่พิมพ์เพื่อผลิตชิ้นงานอะลูมิเนียมกรอบหน้าต่าง ประตู และเพื่อทำเป็นชิ้นส่วนของเครื่องจักรในการผลิตปูนซีเมนต์และเหล็กสำหรับงานก่อสร้าง

3) อุตสาหกรรมอาหาร โดยส่วนใหญ่นำเหล็กกล้าเกรดพิเศษไปใช้ทำเป็นแม่พิมพ์ผลิตกระทะ หม้อ ถังแก๊สหุงต้ม กระป๋อง ขวดบรรจุภัณฑ์ และใช้เป็นชิ้นส่วนเครื่องจักรในกระบวนการผลิตอ้อย เป็นต้น ทั้งนี้ จะเน้นขยายฐานลูกค้าใหม่นำเสนอบริการชุบแข็งร่วมกับการจำหน่ายเหล็กแม่พิมพ์ รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

ขณะเดียวกัน ยังมองหาโอกาสต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมที่เป็น New S-curve เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ตลอดจนเล็งเห็นถึงโอกาสของการขยายธุรกิจสู่ตลาดประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV ซึ่งบริษัทต้องเข้าเจรจากับทางคู่ค้า (Supplier) ในประเทศเยอรมนี เพื่อแต่งตั้ง SAF ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กกล้าเกรดพิเศษแต่เพียงผู้เดียวในกลุ่มประเทศ CLMV

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการดำเนินธุรกิจใน 2 ปีข้างหน้า (ปี 2566-2567) จะมียอดขายเติบโตเฉลี่ยประมาณ 23-28% ต่อปี เนื่องจากศักยภาพที่เพิ่มขึ้นในการขยายพื้นที่คลังสินค้า รวมถึงการเพิ่มบริการชุบระบบไนไตรดิ้ง ซึ่งจะทำให้สามารถตอบสนองลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นและครอบคลุมมากขึ้น

นางสาววีรยา ศรีวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ของ SAF จะช่วยเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ

และเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุน รองรับแผนการขยายธุรกิจตามเป้าหมายที่บริษัทได้วางไว้ ประกอบด้วย 2 โครงการสำคัญ ได้แก่ การลงทุนโรงงานและคลังสินค้าแห่งใหม่ (SAF3) เพื่อเพิ่มปริมาณการจัดเก็บวัตถุดิบเป็น 4,000 ตัน และการลงทุนระบบเตาชุบแบบไนไตรดิ้ง เพื่อให้บริการชุบแก่ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมได้อย่างครบวงจร

โดยมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยจุดเด่นของ SAF ที่เป็นผู้นำในธุรกิจเหล็กกล้าเกรดพิเศษ มีศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปพร้อมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตลอดจนคณะผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์และมากด้วยประสบการณ์ จะทำให้หุ้น SAF เป็นอีกหนึ่งหุ้นคุณภาพสำหรับนักลงทุนในตลาดทุนไทย