
ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กางแผนธุรกิจบริหารมั่งคั่งปี’66 ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้า-สินทรัพย์ภายใต้บริหาร AUM เติบโต 10% จากฐานลูกค้าที่มีราว 1 แสนราย ชู จุดเด่น Gate Way Investment มีโปรดักต์ลงทุนหลากหลาย ปลื้มลูกค้าซื้อหุ้นกู้ผ่านแอป โต 391% เงินฝาก 371% และสินเชื่อเพื่อการลงทุน 253% พร้อมตั้งเป้าปีนี้ลูกค้าซื้อหุ้นกู้ผ่านดิจิทัลขยายตัว 70%
วันที่ 27 มกราคม 2566 นายติยะชัย ชอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์การออม ธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ในปี 2566 ธนาคารตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้า และสินทรัพย์ภายใต้บริหารจัดการ (AUM) ในปีนี้ขยายตัวประมาณ 10% จากฐานลูกค้าที่มีราว 1 แสนราย และจำนวน AUM หลักหลายแสนล้านบาท เป้าหมายในระยะยาวธนาคารต้องการเติบโตเพิ่มขึ้น 10 เท่า ภายใน 5-7 ปี
- เปิดวิธีลงทะเบียน เลือกตั้งล่วงหน้า 2566 มีขั้นตอนอย่างไร ?
- ทำความรู้จักบัตรวิสดอมกสิกรไทย ต้องรวยแค่ไหนถึงถือบัตรได้
- ประกันสังคม ม.33-39-40 ผู้ประกันตนแต่ละประเภท มีสิทธิต่างกันอย่างไร?
เปิดกลยุทธ์การเติบโต
ทั้งนี้ กลยุทธ์ในการเติบโตของธนาคารจะเข้าไปดูแลลูกค้าทุกกลุ่ม ทุกระดับ และทุกลำดับชีวิตของลูกค้าอย่างเข้าถึงยิ่งขึ้น นำเสนอทุกผลิตภัณฑ์การลงทุนต้นน้ำยันปลายน้ำ เงินฝาก หุ้นกู้ทั้งตลาดแรกและตลาดรอง หุ้นกู้อนุพันธ์ ELN กองทุน ประกัน ให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายชีวิตที่ตั้งไว้ รวมถึงการขยายพันธมิตร (Partner) ในการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ในการลงทุน และช่องทางการเข้าถึงลูกค้า โดยธนาคารจะเป็น Gate Way ให้นักลงทุนและลูกค้ามั่งคั่งเข้าถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนระดับโลก
ที่ผ่านมาจะเห็นว่าในหลายผลิตภัณฑ์ของธนาคารได้ผลตอบรับที่ดี เช่น สินเชื่อเพื่อการลงทุน โดยลูกค้านำพอร์ตการลงทุนที่มีอยู่ เช่น หุ้นกู้ ตราสารหนี้ หรือประกัน นำมาขอวงเงินเพื่อนำไปลงทุนต่อยอดเพื่อหาผลตอบแทน (Yield) ซึ่งธนาคารจะพิจารณาวงเงินให้ลูกค้าเฉลี่ยประมาณ 80% ของมูลค่าหลักประกัน
ทั้งนี้ หากดูอัตราการเติบโตของสินเชื่อเพื่อการลงทุนจะพบว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 สินเชื่อเพื่อการลงทุนมีอัตราการเติบโตสูงถึง 253% และในปี 2566 ธนาคารยังคงต้องการขยายการเติบโต แต่ไม่มีเป้าหมาย เนื่องจากสินเชื่อเพื่อการลงทุนจะเหมาะสมกับลูกค้าบางกลุ่ม จึงต้องมีการประเมินความเสี่ยงและข้อมูลให้ลูกค้าครบถ้วนในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยมีความผันผวน
นอกจากนี้จะพบว่า ลูกค้าเริ่มหันมาให้ความสนใจการซื้อหุ้นกู้ผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งจะเป็นอีก 1 ผลิตภัณฑ์ที่ธนาคารมุ่งเน้นการส่งเสริมการเติบโต โดยในปีที่ผ่านมามีลูกค้าเข้ามาซื้อหุ้นกู้ผ่านช่องทาง CIMB THAI Digital Banking เติบโตสูงถึง 391%
และมีการฝากเงินผ่านดิจิทัลเติบโตสูงถึง 371% ซึ่งสะท้อนจากการนำเสนออัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูง เนื่องจากธนาคารมีสาขาน้อย ทำให้ต้นทุนที่ลดลงสามารถส่งผ่านผลตอบแทนไปให้ลูกค้าได้มากขึ้น
ตั้งเป้าดิจิทัลโต 70%
อย่างไรก็ดี ในปี 2566 ธนาคารยังคงตั้งเป้าการเติบโตในช่องทางดิจิทัลมากขึ้น โดยตั้งเป้าการเติบโตการซื้อหุ้นกู้ผ่านช่องทางดิจิทัลขยายตัว 70% จากปีก่อนตั้งเป้าอยู่ที่ 50% โดยธนาคารจะมีการคัดเลือกหุ้นกู้เด่น ๆ ให้ลูกค้าได้เลือกลงทุนประมาณ 10 ตัว ซึ่งจะมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงนอกเหนือจากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
โดยเฉลี่ยหุ้นกู้ให้ผลตอบแทน 4-6% หรือหุ้นกู้ต่างประเทศ off shore ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า และเหมาะสมกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น เป็นต้น
“เราต้องการเป็น Gate Way Investment ให้ลูกค้าและนักลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนได้หลากหลาย และตั้งเป้าให้ลูกค้ารายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้นผ่านการลงทุนในวงเงินไม่สูง เช่น หุ้นกู้ตลาดรอง หรือการให้ดอกเบี้ยเงินฝากที่จูงใจ ทั้งเงินฝากในรูปเงินบาท หรือบัญชีเงินฝากสกุลดอลลาร์ที่ให้ผลตอบแทน 4.18% ระยะเวลาการฝาก 12 เดือน หรือจะเลือกฝาก 1 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.33% หรือลูกค้าต้องการลงทุนในตลาด off shore ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6-8% รวมถึงขยายช่องทางดิจิทัลที่เป็นจุดแข็งของเรา”
เปิดจุดแข็ง Wealth Management
นายติยะชัยกล่าวว่า การขับเคลื่อนธุรกิจ Wealth Management จะใช้จุดแข็ง และจุดเด่นใน 2 มิติ ได้แก่
1. ใช้ความเป็นเจ้าหลักของ market access ให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ดีที่สุดทั่วโลก เป็น platform สำหรับผลิตภัณฑ์การลงทุนในไทย และกำลังนำผลิตภัณฑ์หุ้นกู้อนุพันธ์ และกองทุนรวมต่างประเทศ (off shore fund) มาเพิ่มเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน เพื่อเปิดประตูให้นักลงทุนเข้าถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนระดับโลก
โดยทีมงาน Wealth Advisory by CIMB Thai Bank ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและมืออาชีพลงทุน ให้คำแนะนำการลงทุนให้ลูกค้าอย่างชัดเจน เข้าใจ และไม่ได้เน้นขายราย product แต่ให้ความสำคัญกับความต้องการและผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นที่ตั้ง (customer centric)
2.ใช้ digital platform เป็นพลังขับเคลื่อนช่วยลูกค้าเข้าถึงการลงทุนง่ายขึ้น ที่มาพร้อมกับผลตอบแทนที่มากขึ้น เช่น บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ชิลดี ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดที่ 2% สำหรับวงเงินฝาก 50,000 บาท กำลังจะขยายเป็น 100,000 บาทเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยเป็น tier ที่ให้ดอกเบี้ยสูงสุดในตลาดตอนนี้
หากลูกค้าสนใจกองทุนรวม ธนาคารได้เปิด open architecture digital platform ลูกค้าสามารถซื้อกองทุนรวมที่ดีที่สุดจากทุก บลจ.ที่เป็นพาร์ตเนอร์ของธนาคาร เริ่มต้นขั้นต่ำเพียงแค่ 1 บาท ก็ลงทุนได้
ผลิตภัณฑ์หุ้นกู้ ลูกค้าสามารถเข้าถึงหุ้นกู้ตลาดแรกที่มีเครดิตเรตติ้ง investment grade ขึ้นไป เริ่มต้นขั้นต่ำแค่ 1 พันบาท และเลือกช็อปหุ้นกู้ตลาดรอง โดยไม่จำเป็นต้องมาสาขา ลงทุนได้ผ่านแอปหลัก CIMB THAI Digital Banking สะดวก ง่าย รวดเร็ว
อีกหนึ่งจุดแข็งคือ ซีไอเอ็มบี ไทย เป็นแบงก์แห่งอาเซียน ด้วยเครือข่ายแข็งแกร่งทั่วภูมิภาค ธนาคารพร้อมเป็นประตูให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ต่างประเทศได้ง่ายที่สุด อาทิ off shore bond หรือ off shore ELN ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีที่สิงคโปร์ หรือมาเลเซีย ผ่าน ASEAN passport
“โครงสร้างธุรกิจ Wealth Management ภายใต้การดูแลของผม ปรับปรุงโครงสร้างเพื่อดูแลลูกค้าทุกกลุ่ม นอกจากสมาชิก CIMB Preferred ลูกค้า High Net Worth หรือ Ultra High Net Worth เราอยากให้ลูกค้าทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ลูกค้ารับได้ ทุกลำดับขั้นของชีวิตลูกค้า CIMB Thai มี shelf ที่กว้างและดีที่สุด มีผลิตภัณฑ์ครบ มี solution ที่สามารถสร้าง customer journey end to end” นายติยะชัยกล่าว