คอลัมน์ : เช็กกระแสหุ้น
ตลาดหุ้นไทย สัปดาห์ที่ผ่านมา (23-27 ม.ค.) ค่อนข้างแกว่งตัวอยู่ในกรอบจำกัด
โดย “อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา มีปัจจัยกดดันจากตัวเลขส่งออกของไทยที่ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และยังติดลบมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- ยื่นภาษีปี 2567 หมดเขตเมื่อไหร่ ยื่นไม่ทันต้องทำอย่างไร
รวมถึงการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หลาย ๆ บริษัทที่ออกมาแย่กว่าคาด เช่น SCGP, COTTO รวมถึง SCC จึงทำให้ตลาดมีความระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องของการประกาศผลประกอบการและการเก็งกำไรในระยะสั้นมากขึ้น
มองไปในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า (30 ม.ค.- 3 ก.พ.) “อภิชาติ” กล่าวว่า ประเมินทิศทางของตลาดหุ้นไทย ว่า SET Index จะแกว่งตัว โดยมีแนวรับที่บริเวณ 1,660 จุด และแนวต้าน 1,690-1,695 จุด ซึ่งปัจจัยที่สำคัญและต้องติดตามคือ การประชุมของธนาคารกลางต่าง ๆ ทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
“ตลาดคาดว่าธนาคารกลาง ๆ ยังคงดำเนินนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ โดยคาดว่าเฟดน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ขณะที่ ECB และ BOJ น่าจะปรับขึ้นที่ 0.5%
นอกจากนี้ ตลาดยังรอดูท่าทีของประธานเฟดในที่ประชุม ว่าจะมีการส่งสัญญาณอย่างไรต่อการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต ซึ่ง บล.ทิสโก้ยังคงเชื่อว่าเฟดจะยังคงดำเนินนโยบายแบบเข้มงวดอยู่ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
ในไตรมาส 4/2565 ยังขยายตัวดีกว่าตลาดคาด ซึ่งอาจจะทำให้เฟดยังคงท่าทีในการขึ้นดอกเบี้ย เพื่อที่จะสกัดเงินเฟ้ออยู่ ซึ่งเป็นปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้ตลาดผันผวนได้”
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ หุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มที่คาดว่าจะมีผลประกอบการดีและมีการจ่ายเงินปันผลที่ดี แนะนำ BDMS, AP และ BAM