AMEX ทวงบัลลังก์ผู้นำบัตรเครดิตกลุ่มคนรวย รายได้ 1.2 ล้านบาท/ปี

พร้อม สิริสันต์
พร้อม สิริสันต์

บริษัท อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (ไทย) หรือ AMEX กางแผนลุยธุรกิจบัตรเครดิตปี 2566 รุกกลุ่มกำลังซื้อสูง เจาะกลุ่มบัตรแพลทินัม รายได้ 1.2 ล้านบาทต่อปี ชูจุดแข็งดูแลลูกค้าอย่างคนพิเศษ พร้อมเสนอสิทธิประโยชน์สูงกว่า 3 เท่าของค่าธรรมเนียมผ่านร้านอาหาร-โรงแรม-การเดินทาง ลั่นจับมือแบงก์กรุงเทพ ลุยขยายฐานรับบัตรรองรับฐานลูกค้า 122 ล้านรายทั่วโลก

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 นายพร้อม สิริสันต์ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (ไทย) หรือ AMEX เปิดเผยว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตในปี 2566 บริษัทยังคงตั้งเป้าการรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง (High Spender) โดยกลุ่มลูกค้าระดับแพลทินัมจะต้องมีรายได้เฉลี่ย 1.2 ล้านบาทต่อปี ซึ่งปัจจุบันบัตร AMEX มีจำนวนสมาชิกทั่วโลกกว่า 122 ล้านราย และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร (Spending) เฉลี่ยสูงกว่าบัตรเครดิตทั่วไปในระบบกว่า 3.5 เท่า

โดยปัจจุบันบัตร AMEX มี 5 หน้าบัตรด้วยกัน ได้แก่ บัตรเครดิตแพลทินัมอเมริกัน เอ็กซ์เพรส, บัตรทองอเมริกัน เอ็กซ์เพรส, บัตรอเมริกัน เอ็กซ์เพรส, บัตรเครดิตแพลทินัม การบินไทย อเมริกัน เอ็กซ์เพรส, บัตรเครดิต อเมริกัน เอ็กซ์เพรส

อย่างไรก็ดี บริษัทจะมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าบัตรเครดิตแพลทินัมอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทีมียอดใช้จ่ายสูง และเป็นบัตรที่มีค่าธรรมเนียมรายปีอยู่ที่ 3.5 หมื่นบาท แต่จะเห็นว่าบริษัทจะเสนอสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้ามากกว่าค่าธรรมเนียมถึง 3 เท่า

ทั้งนี้ การเติบโตของธุรกิจจะอยู่ภายใต้กลยุทธ์ 3 ด้าน ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์ 2.การเพิ่มจำนวนร้านค้ารับบัตร และ 3.การให้บริการลูกค้า โดยในส่วนผลิตภัณฑ์ จะเห็นว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การเดินทางทั่วโลกหยุดชะงัก แต่จะพบว่ายอดการใช้จ่ายของ AMEX ไม่ได้ปรับลดลง

เนื่องจากบริษัทมีการปรับแผนกลยุทธ์และเพิ่มสิทธิประโยชน์ (Benefit) โดยการกระตุ้นให้สมาชิกกลับมาใช้บริการเข้าพักและการเดินทางภายในประเทศมากขึ้น สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง และกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มที่ชอบหาประสบการณ์และสังสรรค์

ดังนั้น บริษัทจึงมีการขยายความร่วมมือกับร้านค้าพันธมิตร เพื่อปรับเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นตามพฤติกรรมลูกค้า เช่น ร้านอาหาร บริษัทได้มีเครดิตเงินคืน หรือ Global Dining Credit มูลค่า 14,000 บาท ให้สมาชิกบัตรแพลทินัมสำหรับทานอาหารมูลค่า 14,000 บาท โดยแบ่งเป็นเครดิตมูลค่า 7,000 บาทสำหรับร้านอาหารในประเทศไทย และเครดิตมูลค่า 7,000 บาทสำหรับร้านอาหารในต่างประเทศ โดยมีร้านอาหารที่ร่วมรายการกว่า 1,400 แห่ง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ หรือสิทธิประโยชน์ Platinum 1 for 1 ข้อเสนอในหมวดห้องพักโรงแรมและรีสอร์ต

“สังเกตจะเห็นว่าพันธมิตรร้านค้าและบริการของ AMEX ที่มีการเติบโตสูงสุด 3 อันดับแรกคือ ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย ซึ่งชี้ให้เห็นว่าสมาชิกบัตร AMEX ยังคงนิยมไปเที่ยวพักผ่อนและใช้เวลาวันหยุดในประเทศอยู่ แม้ว่าการเดินทางระหว่างประเทศจะกลับเปิดตามปกติอีกครั้งแล้วก็ตาม หรือการช็อปปิ้งของ Luxury และหากดูจำนวนการทำธุรกรรมในต่างประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 100% ในปี 2565 เมื่อเทียบกับปี 2562 แน่นอนว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้อาจเป็นผลมาจากฐานสมาชิกบัตรของเราที่มีเพิ่มมากขึ้นด้วย”

กลยุทธ์ด้าน 2.การเพิ่มจำนวนร้านค้ารับบัตร ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของ AMEX เนื่องจากมีจำนวนลูกค้าที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น จึงต้องขยายร้านค้ารองรับการเติบโต ซึ่งในไทยบริษัทได้มีการร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ ที่จะเข้ามาช่วยในการขยายลูกค้าและร้านค้ารับบัตรเพิ่มมากขึ้น โดยนับตั้งแต่ปี 2560-2564 บริษัทขยายร้านค้าที่รับบัตร AMEX ทั่วโลกถึง 164% หรือคิดเป็นมากกว่า 66 ล้านแห่ง

และ 3.การให้บริการลูกค้า เป็นเรื่องที่บริษัทเน้นค่อนข้างมาก โดยให้ความสำคัญในการดูแลลูกค้าเป็นพิเศษ ซึ่งลูกค้ายังคงชอบการพูดคุยกับคน หรือ Human Touch บริษัทจึงยังเน้นเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาพบว่าผู้ถือบัตรมีอายุเฉลี่ยน้อยลงอยู่ที่ 30 ปีมากขึ้น จากก่อนหน้าจะอยู่ในกลุ่มอายุเฉลี่ย 40 ปีขึ้นไป ดังนั้น บริษัทจึงมีการปรับเปลี่ยนช่องทางการให้บริการให้มีความสมดุล โดยมีทั้ง Human และช่องทางออนไลน์ที่คนรุ่นใหม่นิยมใช้

โดยปัจจุบันบริษัทแอปพลิเคชั่นที่มีผู้ถือใช้อยู่ประมาณ 70-80% ของฐานลูกค้าทั้งหมด ขณะเดียวกัน ช่องทางที่ใช้เจ้าหน้าที่บริการก็ยังเป็นอีกจุดเด่นในการบริการของบริษัทเช่นกัน โดยปัจจุบัน AMEX มีพนักงานรวมทั้งสิ้น 64,000 คนทั่วโลก รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างเงินดิจิทัลหรือโทเค็นต่าง ๆ ก็อยู่ระหว่างการพิจารณา หากในประเทศไทยมีความพร้อมก็จะนำมาให้บริการตามความเหมาะสมต่อไป

สำหรับความเสี่ยงในเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และอาจจะมีบางประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) นั้น บริษัทได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมาจุดดีของ AMEX คือการปรับตัวที่รวดเร็ว อย่างในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ถือบัตรไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ เราก็ได้นำเสนอสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในประเทศแทน ประกอบกับกลุ่มลูกค้าหลักที่เป็นกลุ่ม high end ที่มีกำลังซื้อสูง จึงทำให้ได้รับผลกระทบไม่มาก โดยมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) น้อยมาก และเป็นกลุ่มชำระหนี้เต็มจำนวน

“แม้ว่ากลุ่มลูกค้ามั่งคั่งจะมีผู้เล่นพยายามเข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น แต่เรามั่นใจในจุดเด่นของอเมริกันเอ็กซ์เพรส คือมีโปรดักต์ที่ดีที่สุด มีการบริการระดับที่ดีสำหรับผู้ถือบัตร ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการติดต่อที่รวดเร็ว ใช้เจ้าหน้าที่เป็นหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ถือบัตรอย่างเต็มที่ ส่วนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรจะสูงกว่า 3.5 เท่าของตลาด มองว่าน่าจะเพิ่มขึ้นได้ แต่จะเพิ่มเร็วขึ้นในช่วงเดินทางต่างประเทศ เพราะจะมีการเดินทาง จองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม จะช่วยหนุนยอดใช้จ่าย หรือหากบินไม่ได้กลุ่มนี้จะเน้นซื้อของ Luxury แทน ทำให้ยอดการใช้จ่ายไม่ได้ลดลง”

ล่าสุดเพื่อตอบรับกับการเปิดประเทศ อเมริกันเอ็กซ์เพรสพร้อมนำเสนอสิทธิประโยชน์ใหม่ เพื่อยกระดับการใช้บัตรและให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตทุกช่วงเวลา ตั้งแต่การพบปะผู้คนในชีวิตประจำวัน หรือการพักผ่อนในวันหยุดกับครอบครัวสำหรับสมาชิกบัตร แพลทินัม โดยที่ค่าสมาชิกรายปียังคงเท่าเดิม อาทิ สิทธิประโยชน์ใหม่ด้านไลฟ์สไตล์ Global Dining Credit มูลค่า 14,000 บาท

สิทธิประโยชน์ Platinum 1 for 1 ข้อเสนอในหมวดห้องพักโรงแรมและรีสอร์ต, Sunday Brunch, ชุดเมนูพิเศษ, Afternoon Tea, บริการสปา และบริการเช่ารถยนต์ ซึ่ง Stella Bar ณ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ เป็นหนึ่งในพาร์ตเนอร์ใหม่ที่เข้าร่วมรายการ โดยสมาชิกบัตรจะได้รับเครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว เมื่อซื้อเครื่องดื่มที่ร่วมรายการ 1 แก้วในช่วงเวลา Platinum Hours จำกัดสูงสุด 3 แก้วต่อบัตรต่อการเข้าใช้บริการ

และยังมีโรงแรมระดับ 5 ดาวอีก 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ และโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด มัลดีฟส์ ที่เข้าร่วมสิทธิประโยชน์ Platinum 1 for 1 ในหมวดห้องพัก โดยสมาชิกบัตรจะได้เข้าพักฟรี 1 คืนจากทุก ๆ 1 คืนที่ชำระค่าห้องพัก เป็นต้น

นอกจากนี้ สมาชิกบัตรยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ต่อเนื่องจากปี 2565 อาทิ อภินันทนาการเข้าพัก 1 คืน ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ, รับคะแนนสะสมเมมเบอร์ชิป รีวอร์ด 5 เท่า จากยอดใช้จ่ายในต่างประเทศ, บริการรถลิมูซีนรับ-ส่งสนามบินทั้งขาไปและกลับจากสนามบินสุวรรณภูมิหรือสนามบินดอนเมืองสำหรับทุก ๆ การเดินทางไปต่างประเทศที่สำรองเที่ยวบินกับพาร์ตเนอร์ที่ร่วมรายการ ผ่านแผนกบริการการเดินทางสำหรับสมาชิกบัตรแพลทินัม, สิทธิเข้าใช้ห้องรับรองในสนามบินกว่า 1,300 แห่งทั่วโลกโดยไม่จำกัดครั้งในรายการ Global Lounge Collection, ประกันภัยการเดินทางคุ้มครองสูงสุดถึง 25 ล้านบาท เป็นต้น