เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดรอบ 3 เดือน จับตา 4 ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า

เงินบาท ธนบัตรไทย
REUTERS/Athit Perawongmetha

เงินบาทผันผวน แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 เดือน ก่อนพลิกแข็งค่ากลาง-ปลายสัปดาห์ ตามทิศทางเงินหยวนหลัง PMI จีนแข็งแกร่ง ขณะที่ตลาดกลับมารอติดตามสัญญาณจากประธานเฟด (7-8 มี.ค.) จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า สุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสของประธานเฟด อัตราเงินเฟ้อเดือน ก.พ.ของไทย ทิศทางเงินลงทุนของต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย การเมืองในประเทศ

วันที่ 5 มีนาคม 2566 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทเคลื่อนไหวอย่างผันผวน โดยอ่อนค่าในช่วงแรก ก่อนพลิกแข็งค่ากลาง-ปลายสัปดาห์ ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าไปที่ 35.39 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 เดือน

โดยมีปัจจัยลบจากข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่พลิกกลับมาขาดดุลในเดือน ม.ค. สวนทางเงินดอลลาร์ ที่ยังได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ สอดคล้องกับการฟื้นกลับมาของเงินหยวนที่ได้รับอานิสงส์จากข้อมูล PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือน ก.พ.ของจีน ที่บ่งชี้ถึงการเริ่มฟื้นตัวขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในจีน

กรอบแข็งค่าของเงินบาทเริ่มจำกัดลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่ตลาดรอติดตามสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐ จากสุนทรพจน์ของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสในวันที่ 7-8 มี.ค.นี้

กราฟเงินบาท 20 Feb-3 Mar 2023

ในวันศุกร์ที่ 3 มี.ค. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.68 บาทต่อดอลลาร์ เทียบกับ 34.81 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (24 ก.พ.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 27 ก.พ.-3 มี.ค.นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 10,142 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 3,192 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 8,179 ล้านบาท แต่มีตราสารหนี้หมดอายุ 4,987 ล้านบาท)

จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า

สัปดาห์ถัดไป (6-10 มี.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 34.40-35.00 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสของประธานเฟด อัตราเงินเฟ้อเดือน ก.พ.ของไทย ทิศทางเงินลงทุนของต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน จาก ADP เดือน ก.พ. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือน ม.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางออสเตรเลีย รวมถึงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศเดือน ม.ค.-ก.พ. ดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ก.พ.ของจีนด้วยเช่นกัน

กราฟหุ้นไทย 24 Feb-3 Mar2023

ส่วนความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน ทั้งนี้ หุ้นไทยร่วงลงตลอดสัปดาห์ ท่ามกลางแรงขายต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยปัจจัยกดดันหลัก ๆ มาจากความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้น หลังตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนี PCE เดือน ม.ค.ของสหรัฐ ออกมาสูงกว่าตลาดคาด และตัวเลขส่งออกเดือน ม.ค.ของไทย ที่ออกมาหดตัวต่อเนื่อง ขณะที่ กกร.ได้ปรับลดคาดการณ์การส่งออกไทยในปีนี้ลงตามการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก อนึ่ง หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสวนทางภาพรวมในสัปดาห์นี้ โดยมีแรงหนุนจากหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งจากแนวโน้มธุรกิจที่ยังคงสดใส และหุ้นบริษัทด้านการสื่อสารจากประเด็นการควบรวมธุรกิจ

ในวันศุกร์ (3 มี.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,606.88 จุด ลดลง 1.66% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 63,810.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.08% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.17% มาปิดที่ระดับ 557.36 จุด

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (6-10 มี.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,575 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,620 และ 1,630 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.พ.ของไทย ถ้อยแถลงของประธานเฟด ประเด็นการเมืองภายในประเทศ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือน ม.ค. ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือน ก.พ. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOJ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือน ก.พ.ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค

จับตารายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.พ.

ทางด้านนางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ธนาคารประเมินกรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 6-10 มีนาคม 2566) เคลื่อนไหวอยู่ที่ 34.40-35.30 บาทต่อดอลลาร์ โดยมุมมองภาพใหญ่เงินบาทอาจจะยังกลับมาแข็งค่าได้ไม่ไกล ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐ อายุ 10 ปี ทะลุ 4%

อย่างไรก็ดี หากข้อมูลเริ่มบ่งชี้ว่ากิจกรรมเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสหรัฐ กลับมาชะลอลงอีกครั้ง นักลงทุนจะขายดอลลาร์และกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง กระแสเงินทุนไหลออกมีแนวโน้มลดลงหรืออาจพลิกกลับเข้ามาบางส่วน เนื่องจากตลาดคาดการณ์ไปแล้วว่าดอกเบี้ยปลายทางของเฟดยกสูงขึ้น

ทางด้านนายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 6-10 มีนาคม 2566) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.50-35.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบแนวต้านได้ โดยปัจจัยภายในประเทศที่ต้องติดตาม จะเป็นตัวเลขรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI เดือนกุมภาพันธ์โดยตลาดจะรอลุ้นตัวเลขที่ออกมาว่าจะชะลอตัวลงมากน้อยเพียงใด