เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 ปีครั้งใหม่

“เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 ปีครั้งใหม่ ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยกลับมายืนเหนือระดับ 1,800 จุด”

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 ปีครั้งใหม่ที่ 31.086 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นท่ามกลางแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ฯ อย่างต่อเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการการค้าระหว่างประเทศ และนโยบายการต่างประเทศ หลังจากปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ปลดรมว. ต่างประเทศออกจากตำแหน่ง หลังมีความขัดแย้งเรื่องการทำงานในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าที่คาด ก็เป็นปัจจัยลบของเงินดอลลาร์ฯ ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี กรอบการแข็งค่าของเงินบาทเริ่มจำกัดลงในช่วงปลายสัปดาห์ หลังมีแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชันก่อนการประชุมเฟดในวันที่ 20-21 มี.ค. นี้

ในวันศุกร์ (16 มี.ค.) เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 31.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากระดับ 31.33 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (9 มี.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (19-23 มี.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.00-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยอาจต้องจับตาผลการประชุมนโยบายการเงิน ตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจ และ Dot Plot ใหม่ จากการประชุมเฟด (20-21 มี.ค.) ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดขายบ้านมือสอง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนก.พ. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามประเด็นที่เกี่ยวกับมาตรการและนโยบายระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ตลอดจนข้อมูล PMI สำหรับเดือนมี.ค. (เบื้องต้น) ของสหรัฐฯ และยูโรโซน ด้วยเช่นกัน

ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดเหนือระดับ 1,800 จุดตลอดสัปดาห์ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,811.75 จุด เพิ่มขึ้น 2.05% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลงประมาณ 3.88% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 70,301.73 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 497.19 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงต้นสัปดาห์ ได้รับแรงหนุนหลักจากหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลก อย่างไรก็ดี กรอบการปรับขึ้นของดัชนี SET เป็นไปอย่างจำกัดในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองทั้งภายในและต่างประเทศ และการกลับมาปรับตัวลงของราคาน้ำมันตลาดโลก แม้ว่าจะมีปัจจัยมาช่วยประคองตลาดจากความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลและผู้ประกอบการโทรคมนาคม และแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (19-23 มี.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,805 และ 1,790 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,825 และ 1,840 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟด และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงถ้อยแถลงของนาย เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารเฟด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อื่นๆ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่และบ้านมือสอง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เดือนก.พ. และดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) เดือนมี.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินธนาคารอังกฤษ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.พ. ของอังกฤษและญี่ปุ่น และดัชนี PMI Composite (เบื้องต้น) ของประเทศแถบยุโรป

 

ที่มา : มติชนออนไลน์