หุ้นไทยแกว่ง 1,550-1,570 จุด ฟันด์โฟลว์ต่างชาติหนุน 2 วันซื้อสุทธิ 3.2 พันล้าน

หุ้น

บล.กรุงศรี พัฒนสินฯ ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัว 1,550-1,570 จุด ได้แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้าสุทธิ 2 วัน มูลค่ารวม 3.2 พันล้านบาท จากคาดการณ์เฟดชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ย-ตัวเลขเงินเฟ้อไทยชะลอ ระวังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากข่าวสหรัฐ-อิหร่าน ใกล้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ชั่วคราว กดดันกลุ่มพลังงาน-ดัชนีสลับอ่อนตัว เชียร์หุ้นเด่น CBG-BBIK

วันที่ 9 มิถุนายน 2566 บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสินฯ รายงานภาวะตลาดหุ้นไทยว่า วานนี้ดัชนี SET Index พุ่งแรง 26 จุด (+1.71%) ปิดที่ระดับ 1,560 จุด จากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,823 ล้านบาท และ 2,221 ล้านบาท ตามลำดับ หนุนหุ้น Big cap ปรับขึ้นนำดัชนี อาทิ DELTA, PTT, GULF, AOT และ MAKRO

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ประเมิน SET แกว่งตัว 1,550-1,570 จุด ภาวะตลาดได้แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่ไหลเข้าสุทธิ 2 วันราว 3.2 พันล้านบาท จากคาดการณ์เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อไทยชะลอตัวลง

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงจากข่าวสหรัฐ-อิหร่านใกล้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ชั่วคราว ซึ่งกดดันต่อกลุ่มพลังงานและดัชนีให้สลับอ่อนตัว

ประเด็นสำคัญวันนี้คือ 1.ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 และทำสถิติสูงสุดในรอบ 39 เดือน โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.7 จาก 55 ในเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12 และเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 39 เดือน เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อกลุ่มค้าปลีก (CRC, CPALL, MAKRO) แต่เป็นบวกอ่อน ๆ เนื่องจากดัชนีที่ระดับดังกล่าวยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งเฉลี่ยที่ระดับ 70-80 จุด

2.ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาเพิ่มขึ้นคาดหวังเฟดคงดอกเบี้ยที่ระดับ 5-5.25% ตามเดิม โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 169 จุด (+0.50%) ปิดที่ 33,834 จุด หลังตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 28,000 ราย สู่ระดับ 261,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 235,000 ราย การว่างงานที่สูงขึ้นจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เฟดเลือกคงดอกเบี้ยเป็นบวกต่อภาพการลงทุน

3.ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค. เพื่อหาสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หากดัชนีราคาหรือเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความต้องการ หรือกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศจีนกลับมาฟื้นตัวเป็น Sentiment บวกกับตลาด โดย Consensus คาดเงินเฟ้อเดือน พ.ค.จะเพิ่มขึ้น 0.3% จาก 0.1% ในเดือน เม.ย. แต่เมื่อเทียบเดือนต่อเดือนยัง -0.1%, ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) คาด -4.3% จาก -3.6% ในเดือน เม.ย.

กลยุทธ์การลงทุน : Selective Buy หุ้น BBL, KTB, TTB, KBANK, SCB, SAPPE, ICHI ตามแนวโน้มกำไรไตรมาส 2 ยังคงเติบโต และ AMATA, WHA, ROJNA, NYT รับอานิสงส์ค่ายรถ EV ตั้งฐานการผลิตในไทย และ SAWAD, MTC, KTC, AEONTS รับอานิสงส์เงินเฟ้อไทยชะลอตัวลง

หุ้นแนะนำวันนี้คือ CBG (ปิด 65.5 บาท ซื้อ/เป้า 82 บาท) เราเริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำซื้อ ราคาหุ้นลดลงสะท้อนงบไตรมาส 1 ที่อ่อนแอไปแล้ว และคาดกำไร 1 คือจุดต่ำสุดของปีนี้ โดยจะเริ่มฟื้นตัวจากรายได้และมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้น

และ BBIK (ปิด 118 บาท ซื้อ/เป้า 140 บาท) เราเริ่มต้นบทวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำซื้อ มอง BBIK เป็นหุ้น Growth Stock ที่น่าสนใจ คาดกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 117% และปีหน้าโต 28% ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่แพง คิดเป็น PEG เพียง 0.6 เท่า