จับตา “กรุ๊ปลีส” สู้ต่อคดีแพ่ง ระฆังหมดยกแรก ศาลยกคำร้องแผนฟื้นฟู

หลังศาลล้มละลายกลางตัดสิน “ไม่รับคำร้อง” ขอฟื้นฟูกิจการ “บมจ.กรุ๊ปลีส” หรือ “GL” ตามที่เจ้าหนี้ คือ “บริษัท เจทรัสต์ เอเชีย พีทีอี จำกัด” (J Trust) เป็นผู้ยื่นคำร้องก่อนหน้านี้

ส่งผลให้ราคาหุ้น “GL” ในวันที่ 19 มี.ค. 2561 พุ่งขึ้นในทันที โดยสิ้นวันปิดตลาดที่ 9.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.70 บาท หรือ 22.67% (จากราคา ณ สิ้นวันที่ 18 มี.ค. 2561 อยู่ที่ 7.50 บาท) และมีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 319 ล้านบาท

ทำให้ดูเหมือนมรสุมที่ถาโถมเข้าใส่ “กรุ๊ปลีส” จะเริ่มคลี่คลายลงไป หลังธุรกิจต้องเผชิญกับปัจจัยลบหนักหน่วงมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 จวบกระทั่งต้นปี 2561 ก่อนวันที่ศาลจะตัดสินนี้ ทั้งการถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษผู้บริหารบริษัทต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในข้อกล่าวหา “ทุจริตเบียดบังทรัพย์สินของบริษัท” และ “ทำบัญชีไม่ถูกต้อง”

โดย ก.ล.ต.ชี้ว่า “ผู้บริหารกรุ๊ปลีส” มีการทำธุรกรรมอำพรางผ่านบริษัทที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศหลายแห่ง เพื่อทำให้ผลประกอบการของบริษัทแลดูสูงเกินความจริง ซึ่งได้มีคำสั่งให้แก้ไขงบฯการเงินให้ถูกต้องด้วย

จากนั้นต่อมา “กรุ๊ปลีส” ก็ถูก “เจทรัสต์ฯ” ที่ถือได้ว่าเป็น “พันธมิตร” กันมาก่อน ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย รวมถึงยังยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อขอฟื้นฟูกิจการดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

อย่างไรก็ตาม ศาลล้มละลายกลาง ได้ชี้แจงถึงเหตุผลของการยกคำร้องว่า เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำนวนหนี้มีความไม่แน่นอน เพราะศาลแพ่งยังไม่ได้มีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งใดออกมา ขณะเดียวกันจากการสอบสวน “กรุ๊ปลีส” และเจ้าหนี้รายอื่น ยังเห็นได้ว่า “กรุ๊ปลีส” ไม่ได้มีหนี้สินล้นพ้นตัวและไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ โดยในปัจจุบันยังประกอบกิจการเป็นไปด้วยดี

อีกทั้งเจ้าหนี้รายใหญ่อย่างธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ยังคัดค้านการฟื้นฟูกิจการอีกด้วย ทำให้เชื่อได้ว่า “กรุ๊ปลีส” ไม่อยู่ในสถานการณ์จะต้องฟื้นฟูกิจการ

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทาง “เจทรัสต์ฯ” ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ได้อีกภายใน 30 วัน

ในช่วงระหว่างนี้ “กรุ๊ปลีส”ได้แก้เกม เพื่อหวังเรียกความเชื่อมั่นในบริษัทให้กลับมา โดยมีการเปิดแถลงข่าวครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เพื่อเปิดตัว “คณะกรรมการบริษัทชุดใหม่” ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งมี “สกล หาญสุทธิวารินทร์” ที่มีดีกรีเป็นอดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ มานั่งควบทั้งประธานกรรมการ, ประธานกรรมการตรวจสอบ และกรรมการอิสระ ขณะเดียวกันก็มี “ทัตซึยะ โคโนชิตะ” ที่เคยเป็นประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการ GL อยู่แล้ว และเป็นน้องของผู้บริหารคนก่อน ก็ขึ้นมานั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “อาลัน ณอง ปาสตาบ ดูเฟส” เป็นประธานเจ้าหน้าที่การเงิน

โดยคณะกรรมการชุดใหม่นี้ได้ชูนโยบายการบริหารงานภายใต้การกำกับดูแลที่โปร่งใส และตรวจสอบได้ ยึดหลักธรรมาภิบาล ตามนโยบายของ ก.ล.ต. และพร้อมให้ความร่วมมือกับผู้ตรวจสอบบัญชีอย่างเต็มที่

ขณะเดียวกันยังมีการประกาศ “แผนการดำเนินงานในปี 2561” โดยตั้งเป้าบริษัทมีรายได้เติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,000 ล้านบาท และจะพยายามพลิกกลับมามีกำไรสุทธิให้ได้ หลังจากปี 2560 ขาดทุนสุทธิราว 1,810 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายการพิเศษและการตั้งสำรองหนี้สูญและค่าเผื่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ ผลกำไรจะมาจากการมุ่งเน้นทำตลาดในกลุ่มลูกค้าใหม่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเมียนมา ที่คาดว่าจะเติบโตสูง

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าผลักดันสินเชื่อรวมของบริษัทปีนี้ให้เติบโตกว่า 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 7,640 ล้านบาท

“ส่วนของเรื่องคดีความนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะฟ้องกลับเจทรัสต์ฯหรือไม่ เพราะทำให้บริษัทเสียชื่อเสียง และราคาหุ้นปรับตัวลดลง ซึ่งหากมีขัอสรุปจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง” นายทัตซึยะกล่าว

พร้อมกับยืนยันว่า “กรุ๊ปลีส” มีมูลค่าสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน และมีศักยภาพในการบริหารธุรกิจให้เติบโตและมีกำไร โดย ณ สิ้นปี 2560 บริษัทมีส่วนผู้ถือหุ้น 5,600 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดที่ 3,000 ล้านบาท

แม้มรสุมลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้าใส่ “กรุ๊ปลีส” จะเบาบางลงไปบ้าง ทว่านี่ยังเป็นแค่เพียงการต่อสู้ “ยกแรก” ระหว่าง “กรุ๊ปลีส” กับ “เจทรัสต์ฯ” เนื่องจากยังต้องชี้ชะตากันในชั้นศาลแพ่งอีกคำรบหนึ่ง ซึ่งศาลนัดไต่สวนในเดือน เม.ย.นี้

ที่สำคัญ ปัจจุบันทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังคงขึ้นเครื่องหมาย “NP” (อยู่ระหว่างรอข้อมูลจากบริษัทจดทะเบียน) หุ้น “GL” อยู่ เนื่องจากบริษัทยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขงบฯการเงินให้ถูกต้อง เพราะยังรอคำตัดสินจากทาง DSI และอัยการสูงสุดให้ออกมาชัดเจนก่อน


ดูแล้วสถานการณ์ของ “กรุ๊ปลีส” ยังมีโอกาสพลิกไปพลิกมาได้อีก… ต้องจับตากันต่อไป