แบงก์กรุงเทพแหยงทีวีดิจิทัล “ชาติศิริ” ส่งซิกปล่อยกู้ยากขึ้น

ชาติศิริ โสภณพนิช

แบงก์กรุงเทพลั่น “เข้ม” ปล่อยกู้ทีวีดิจิทัลมากขึ้น หลอนเคสเจ๊ติ๋มไปไม่รอดขอคืนไลเซนส์ ชี้กรณี กสทช.ยื่นอุทธรณ์ต่อ ใช้เวลารอกราว 1 ปีได้ข้อสรุป พร้อมทำนายกลุ่มดิจิทัลอยู่รอดยากเสี่ยง “เลิกกิจการ-ควบรวม” คู่แข่งเพียบ

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยว่า ภายหลังศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษาว่า บริษัท ไทยทีวี จำกัด (เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล) สามารถยกเลิกใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่ 2 ช่องทีวีดิจิทัลได้ และให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)คืนหนังสือค้ำประกัน (แบงก์การันตี) ให้กับธนาคารกรุงเทพแล้วนั้น แต่ตามกระบวนการถือว่าคดียังไม่จบ เพราะต้องรอชัดเจนจาก กสทช. ว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่

“ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตอบได้ว่า จะมีข้อสรุปยังไง เพราะยังต้องรอว่า จะมีการอุทธรณ์เกิดขึ้นหรือไม่ ในอนาคตเราก็ระมัดระวังอย่างเต็มที่ในการที่จะเข้าไปปล่อยกู้กลุ่มนี้ จากที่ผ่านมาเราก็ระวังอยู่แล้ว และคงไม่ยุ่งยากหากต่อไปแบงก์จะต้องออกแบงก์การันตีให้กับธุรกิจอื่น ๆ ด้วย เพราะคงต้องดูจากรายธุรกิจไป” นายชาติศิริกล่าว

ด้านนายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารอยู่ระหว่างการรอ กสทช.ว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ เพราะตามกฎหมายระบุไว้ว่า จะต้องยื่นภายใน 30 วันนับตั้งแต่ศาลมีคำพิพากษา ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่า กสทช.น่าจะใช้สิทธิ์อุทธรณ์ เพราะหากไม่อุทธรณ์ก็อาจจะถูกมองได้ว่า ละเลยต่อการไม่ปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น หาก กสทช.ยื่นอุทธรณ์ก็คาดว่า เรื่องดังกล่าวน่าจะมีความชัดเจนและข้อสรุปภายใน 1 ปีนับจากนี้

“หากรายอื่นจะคืนไลเซนส์ ก็ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการรายนั้น ๆ แต่เรื่องนี้ต้องเข้าใจว่า กรณีทีวีพูล ถือเป็นรายเดียวที่แสดงเจตนารมณ์ชัดเจน ที่จะเลิกกิจการ ขณะที่ผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ยังไม่เลิก และทำตัวดีมาโดยตลอด ดังนั้นก็ต้องดูเป็นรายกรณีไป” นายวีระศักดิ์กล่าว

แต่อย่างไรก็ตาม จากคำพิพากษาของศาลครั้งนี้ จะทำให้ผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ได้ประโยชน์ด้วย เนื่องจากศาลมีคำสั่งให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลรายอื่น ๆ สามารถผ่อนปรนพักชำระค่าสัมปทาน 3 ปี ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้มีสภาพคล่อง และมีกระแสเงินสด และสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้

นายวีระศักดิ์กล่าวเพิ่มว่า ในอนาคต กสทช.อาจมีการเปิดให้ทีวิดิจิทัลรายอื่น ๆ สามารถคืนไลเซนส์ได้ด้วย ส่วนจะคืนอย่างไร ก็คงต้องรอดูรายละเอียดจาก กสทช.ต่อไป ขณะที่แนวโน้มของธุรกิจดิจิทัลในอนาคต อาจจะเห็นผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลมีการเลิกกิจการ หรือมีการควบรวมเกิดขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน มีผู้เล่นในธุรกิจค่อนข้างมาก

“หลังจากนี้ทีวีดิจิทัล เพื่อให้อยู่ได้ ก็ต้องหาพาร์ตเนอร์รายใหม่เข้ามา ซึ่งเห็นได้ว่า รายที่แข็งแรงอยู่แล้ว ก็มีการดึงพาร์ตเนอร์เข้ามาอีกเพื่อเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ” นายวีระศักดิ์กล่าว

สำหรับการตั้งสำรองหนี้ในส่วนของทีวีพูลนั้น ธนาคารกรุงเทพได้ตั้งสำรองตามเกณฑ์ ธปท. และตั้งสำรองครอบคลุมความเสี่ยงไปหมดแล้ว เนื่องจากถูกจัดเป็นลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของธนาคารแล้ว

ด้านนายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ กสิกรไทย กล่าวว่า ปัจจุบันลูกหนี้กลุ่มทีวีดิจิทัลของธนาคารยังไม่มีปัญหา โดยคุณภาพสินเชื่อยังปกติอยู่ แต่หากลูกค้าจะมีการควบรวมกัน ก็คงต้องขึ้นอยู่กับลูกค้า ส่วนธนาคารมีหน้าที่จะต้องดูแลและช่วยเหลือ