ซัมมิท แคปปิตอล ชิงบัลลังก์เบอร์ 1 ลีสซิ่งมอเตอร์ไซค์ 2018

ปีนี้สมรภูมิตลาดรถมอเตอร์ไซค์ในไทย แข่งขันกันอย่างดุเดือดแน่ทั้งในเรื่องราคาและโปรโมชั่นที่ไม่ยั้ง ส้มเลยหล่นใส่บรรดาบริษัทลีสซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ ต่างเร่งเครื่องโกยยอดลูกค้ากลุ่มนี้ตามไปด้วย

“ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง” เป็นค่ายใหญ่ที่ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์หรือมอเตอร์ไซค์ และบุคคล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือซูมิโตโม คอร์เปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ที่เข้ามาถือหุ้นใหญ่ 100% และปีนี้เป็นปีที่ 24 ที่ดำเนินธุรกิจในไทย โดย “วิชิต พยุหนาวีชัย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง จำกัด ได้นำคณะสื่อมวลชน บินลัดฟ้าสู่ประเทศแม่ ณ กรุงเกียวโต เพื่อเยี่ยมชมและศึกษารากฐานของตระกูลซูมิโตโม ซึ่งทำธุรกิจในแทบทุกอุตสาหกรรม ทั้งการผลิต สินเชื่อ การลงทุน การขนส่ง ก่อสร้าง รวมถึงด้านพลังงาน เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

“วิชิต” ประกาศว่า ปี 2561 นี้ซัมมิท แคปปิตอลฯ จะเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อก้าวขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย โดยปักหมุดปล่อยสินเชื่อใหม่จำนวน 120,000 สัญญา ซึ่งจะทำให้ได้ส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 15 ปี และมีลูกค้ารวมราว 200,000 ราย

สำหรับยอดปล่อยสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากสิ้นปี 2560 ซึ่งจะทำให้มีพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 11,700-11,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 27% จากสิ้นปีที่แล้วที่มียอดสินเชื่อคงค้างรวม 7,600 ล้านบาท

ขณะที่ช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้ ซีอีโอกล่าวว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทสามารถปล่อยสินเชื่อได้มากถึง 12,000 คัน ถือว่าเป็นสัญญาณดีที่สุดนับตั้งแต่เริ่มธุรกิจมาทีเดียว ซึ่งเป็นผลพวงมาจากพนักงานในโรงงานที่ได้โบนัสสิ้นปีที่แล้ว และมีความต้องการซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเป็นลำดับ

และอีกเดือนที่จะคึกคัก คือ เดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงเปิดภาคเรียนการศึกษาใหม่ ส่วนใหญ่ผู้ปกครองมักซื้อรถมอเตอร์ไซค์ให้ลูกหลานเป็นของขวัญในช่วงนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด

Advertisment

ทั้งนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่ของซัมมิท แคปปิตอลฯ จะเป็นตลาดล่าง เช่น คนรากหญ้า หรือพนักงานในโรงงาน โดยเฉพาะในภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมอยู่จำนวนมากเช่น ชลบุรี และระยอง ซึ่งลูกค้าในภาคตะวันออกมีสัดส่วนสูงถึง 26% ตามมาด้วยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 23% และภาคเหนือ 14% โดยราคารถมอเตอร์ไซค์จะอยู่ที่เฉลี่ยคันละ 50,000 บาท

ซีอีโอกล่าวถึงกลยุทธที่จะใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจว่า จะมีการเพิ่มพนักงานขาย (เซลส์) นั่งประจำโชว์รูมต่าง ๆ ทั่วประเทศมากขึ้นอีกราว 500 คน จากปัจจุบันมีจำนวน 2,500 คนแล้ว นอกจากนี้จะมีการเพิ่มพันธมิตรดีลเลอร์จากปัจจุบันที่มีกว่า 800 โชว์รูม ขณะเดียวกัน จะมีการเทรนนิ่ง (ฝึกอบรม) เซลส์ให้เป็น “ผู้วิเคราะห์สินเชื่อ” ด้วย เพื่อบรรลุนโยบาย “อนุมัติสินเชื่อภายใน 30 นาที”

Advertisment

“เนื่องจากตอนนี้ สถานการณ์ไม่ได้แข่งกันที่ดอกเบี้ยเจ้าไหนถูก แต่แข่งกันที่ว่าจะสามารถอนุมัติได้ผ่านเร็วและมีประสิทธิภาพแค่ไหน” วิชิตกล่าว

และที่สำคัญ เมื่อปีที่แล้วบริษัทได้มีการลงทุนกว่า 60 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบต่าง ๆ ที่สำคัญให้มีประสิทธิภาพสูง โดยลงทุนทั้งด้านเทคโนโลยี ระบบตรวจสอบสินเชื่อ เพื่อให้พนักงานสามารถตรวจสอบได้ว่า ผู้ขอสินเชื่อมีประวัติการเงินอย่างไรบ้าง และมีตัวตนจริงหรือไม่ ป้องกันการหลอกซื้อจักรยานยนต์และนำไปขายต่อ ซึ่งจากระบบที่มีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) สัดส่วนต่ำกว่า 1% ของสินเชื่อรวม ถือได้ว่า บริษัทเป็นที่หนึ่งเรื่องคุณภาพหนี้ดี

ส่วนแผนการขยายสาขาในปีนี้นั้น ปัจจุบันบริษัทมี 33 สาขา ครอบคลุม 67 จังหวัด ดังนั้น จะมีแผนขยายอีก 7 สาขา ทำให้มีทั้งหมด 41 สาขา ครอบคลุม 73 จังหวัดเกือบทั่วประเทศ ซึ่งมี 4 จังหวัดที่ยังไม่มีนโยบายทำตลาด คือ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากปัญหาความรุนแรง และ จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมียอดขายมอเตอร์ไซค์น้อย

“วิชิต” ตั้งเป้ารายได้ในปี 2561 นี้ ว่า จะเติบโตถึง 25% หลังจากสิ้นปี 2560 ทำรายได้รวมอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท (งบฯปี 2560 ปิดสิ้น มี.ค. 2561) ส่วนกำไรบอกได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก และเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าตลาดลีสซิ่งในระยะยาว ซัมมิท แคปปิตอลฯ ได้นำหลักการสำคัญของซูมิโตโม มาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1.ความซื่อสัตย์สุจริต 2.การทำงานเป็นทีม 3.การพัฒนาเทคโนโลยีไม่หยุดยั้ง 4.ความเป็นมืออาชีพ 5.การให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง และ 6.การดำเนินธุรกิจเพื่อผู้ถือหุ้นของบริษัท