“เอเอสเอ็นโบรกเกอร์” ตั้งเป้าปีนี้ปล่อยสินเชื่อพีทูพีผ่านแพลตฟอร์ม 240 ล้านบาท ขยายลูกค้าใหม่ หวังหารายได้ค่าฟี จับตาไตรมาส 3/61 เปิดตลาดสินเชื่อไม่มีหลักประกัน ประเดิม “พีโลน” มั่นใจโกยรายได้โต 15%
นายธวัชชัย ชีวานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเอสเอ็นโบรกเกอร์ (ASN) เปิดเผยว่า ในปี 2561 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายให้บริการสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคล (peer-to-peer lending) ผ่านแพลตฟอร์ม “DAINGERN” ของบริษัทย่อยชื่อว่า “บริษัท ได้เงิน ดอทคอม จำกัด” โดยมีวงเงินปล่อยกู้ราว 240 ล้านบาท รวมจำนวน 1,290 สัญญา หลังปีที่แล้วปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 65 ล้านบาท จำนวน 340 สัญญา ซึ่งจะเป็นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่มีสัญญากู้เฉลี่ยรายละ 1.8-3 แสนบาทต่อคัน
- ขาลงยางพารา ราคาร่วงฉุดไม่อยู่ 10 วันราคาตกลงไปแล้ว 7 บาทกว่า
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
สำหรับแหล่งเงินทุนที่นำมาปล่อยกู้ส่วนหนึ่งจะมาจากบริษัทแม่ (ASN) และผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นหลัก นอกเหนือจากนั้น จะพิจารณาจากช่องทางระดมทุนที่มีประสิทธิภาพเป็นลำดับถัดไป
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมของบริษัทอยู่ไม่เกิน 15% โดยจะหักค่าบริการแพลตฟอร์มไว้ 3% ซึ่งปีก่อนเริ่มรับรู้รายได้จากค่าธรรมเนียมแล้ว 2.23 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 6 ล้านบาท แต่หากเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ก็อาจจะปรับลดลงตามสัดส่วน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีเอ็นพีแอล แต่อาจมีลูกค้าจ่ายช้าบ้าง ซึ่งยังสามารถบริหารจัดการได้
นายธวัชชัยกล่าวอีกว่า ภายในไตรมาส 3/61 บริษัทยังมีแผนปล่อยสินเชื่อไม่มีหลักประกัน เริ่มจากสินเชื่อส่วนบุคคล (personal loan) แต่มูลค่าสินเชื่ออาจจะต่ำกว่าสินเชื่อแบบมีหลักประกันที่ปล่อยกู้แก่กลุ่มรายย่อย เช่น มนุษย์เงินเดือน ข้าราชการ ที่ปลอดภาระและต้องการรีไฟแนนซ์
“คาดว่าจะเปิดให้กับกลุ่มรายย่อยทั่วไปที่สนใจขอกู้ พร้อม ๆ กับร่างเกณฑ์กู้ยืมเงินออนไลน์จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมา ปัจจุบันบริษัทดำเนินงานอยู่ภายใต้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่มีผลบังคับใช้เรื่องสัญญาเงินกู้ โดยคิดดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนด และมีการเซ็นสัญญาอย่างถูกต้อง” นายธวัชชัยกล่าว
นอกจากนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างศึกษาระบบ blockchain มาช่วยในการปล่อยสินเชื่อพีทูพี (P2P) การขายประกัน ตลอดจนตรวจสอบผู้ขอกู้ ทำสัญญา และระบบการชำระเงิน ซึ่งจะทำให้บริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดได้
นายธวัชชัยกล่าวว่า คาดว่าปีนี้บริษัทจะมีรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อนที่ทำได้ 139 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของเบี้ยรับรวมที่คาดว่าน่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่าปี”60 ที่อยู่ที่ 670 ล้านบาท เพราะอุตสาหกรรมประกันภัยในปีนี้มีการปรับตัวดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่มีการเติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ปัจจุบันรายได้บริษัทมาจาก 2 ธุรกิจหลัก คือ ประกันรถยนต์ 79% ประกันชีวิตและบริการสินเชื่อพีทูพี 21%
“กลยุทธ์ธุรกิจประกันปีนี้ จะเพิ่มจำนวนพนักงานขายประกันรถยนต์ปีแรกจาก 60 คน เป็น 100 คน ภายใน เม.ย. นี้ และรักษาอัตราต่ออายุไม่ต่ำกว่า 76% และขยายตลาดผ่านเครือข่ายนายหน้าประกันวินาศภัยอิสระ และสร้างการรับรู้แบรนด์ “OOHOO” แพลตฟอร์มเปรียบเทียบราคาประกันให้เข้าใจง่าย ๆ” นายธวัชชัยกล่าว