“พริมา มารีน” เตรียมทุ่มเงิน 2.9 พันล้าน เทคโอเวอร์ Big Sea สยายปีกธุรกิจขนส่งขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง

นายชาญวิทย์ อนัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่าบริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นกับบริษัท บิ๊ก ซี จำกัด (Big Sea) ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปทางทะเลรายใหญ่ภายในประเทศ จำนวน 360,000 หุ้น รวมมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้นไม่เกิน 2,900 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดการเข้าซื้อหุ้น Big Sea แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 PRM จะเข้าซื้อหุ้นสามัญจำนวน 252,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 70% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดใน Big Sea จากบริษัท ทีดับบลิวที จำกัด โดยมีมูลค่ารวมไม่เกิน 1,400 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทำธุรกรรมแล้วเสร็จ และเตรียมรับรู้รายได้ทันทีภายในไตรมาส 2/2561

ขณะที่ช่วงที่ 2 PRM จะทยอยเข้าซื้อหุ้น Big Sea ในส่วนที่เหลืออีก 108,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดจาก ทีดับบลิวเอทีที ลิมิเต็ด (TWATT Limited) โดยทยอยเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 10% ต่อปี รวม 3 ปี ซึ่งสัดส่วนการเข้าทยอยซื้อหุ้นในช่วง 3 ปีนี้จะพิจารณาจากผลการดำเนินงานของ Big Sea เป็นสำคัญ โดยคาดว่าการซื้อขายหุ้นในช่วงที่ 2 จะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2564 ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 1,500 ล้านบาท

“การเข้าซื้อหุ้นของ Big Sea ในครั้งนี้ เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ PRM ในกลุ่มธุรกิจขนส่งฯ ภายในประเทศ ให้มีความแข็งแกร่งในด้านจำนวนเรือที่จะเพิ่มขึ้นอย่างเท่าตัว ซึ่งส่งผลให้ PRM มีส่วนแบ่งการตลาดการขนส่งในประเทศเป็นอันดับ 1 โดยคิดเป็นสัดส่วน 49% ของส่วนแบ่งการขนส่งตลาดในประเทศทั้งหมด โดยมีความสามารถในการให้บริการขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้ ปริมาณการขนส่งของ เชฟร่อน จากเดิม 15% จะเพิ่มเป็น 43%, เชลล์จากเดิม 19% จะเพิ่มเป็น 64%, IRPC จากเดิม 19% จะเพิ่มเป็น 52% และยังขยายฐานลูกค้าใหม่ คือ บางจาก คิดเป็นสัดส่วน 37% ของปริมาณน้ำมันที่ขนทางเรืออีกด้วย” นายชาญวิทย์กล่าว

นายชาญวิทย์กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ Big Sea เป็นผู้ดำเนินธุรกิจขนส่งฯ ภายในประเทศ ซึ่งมีส่วนแบ่งการขนส่งเป็นอันดับ 2 ของประเทศ โดยเป็นเจ้าของกองเรือขนส่งขนาดเล็ก จำนวน 13 ลำ ซึ่งมีอายุเรือเฉลี่ย 17.3 ปี ขนาดความจุเฉลี่ยต่อลำอยู่ที่ 2.7 ล้านลิตร รวมความจุทั้งหมดประมาณ 35.2 ล้านลิตร โดยรับสินค้าจากโรงกลั่นน้ำมันและคลังน้ำมันในประเทศซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ให้แก่ลูกค้ากลุ่มบริษัทผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของประเทศ โดยมีสัญญาให้บริการกับกลุ่มลูกค้าระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี จำนวน 3 ลำ และสัญญาระยะยาวมากกว่า 1 ปี อีก 10 ลำ รวมถึงอยู่ระหว่างดำเนินการต่อเรือขนส่งเพิ่มอีก 1 ลำ ขนาดความจุ 5.3 ล้านลิตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562 เพื่อให้บริการแก่ เชฟรอน หลังได้รับสัญญาเช่าระยะยาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ Big Sea มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จาก 457 ล้านบาทในปี 2558 เพิ่มเป็น 596 ล้านบาทในปี 2560 ขณะที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 97 ล้านบาท เพิ่มเป็น 110 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 19%