หุ้นไทยแกว่งตัว 1,370-1,390 จุด นักลงทุนชะลอซื้อขายรอผลประชุมเฟด

ตลาดหุ้นไทย-SET Index

หุ้นไทยแกว่งตัว 1,370-1,390 จุด นักลงทุนชะลอซื้อขายรอผลประชุมเฟด แม้ได้เซนติเมนต์บวกสงครามผ่อนคลาย แต่ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงหลังกลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีฯ รายงานว่า ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) ดัชนี SET Index ร่วง 14 จุด (-1%) ปิดที่ระดับ 1,382 จุด จากแรงขายหุ้น TRUE และกลุ่มน้ำมัน โดย TRUE มีปัจจัยลบเฉพาะตัว ขณะที่กลุ่มน้ำมันร่วงแรงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ย่อตัว

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ประเมิน SET แกว่งตัว 1,370-1,390 จุด แม้จะได้ sentiment บวกสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางผ่อนคลายลง หลังกลุ่มฮามาสเตรียมปล่อยตัวประกันต่างชาติ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงหลังกลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น เป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน

               

นอกจากนี้การชะลอการซื้อขายเพื่อติดตามการประชุม FOMC (คาดคงดอกเบี้ย 5.25-5.50%) และจับสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยในอนาคตจะกดดันให้ดัชนีผันผวน

กลยุทธ์การลงทุน : Selective buy หุ้น GPSC BGRIM GULF TASCO SCGP อานิสงส์ราคานำมันอ่อนตัวลง แลกกลุ่มคาดงบฯไตรมาส 3 เติบโต เช่น BDMS BH BCH CHG BTS BEM SAPPE ICHI OSP CBG AMATA TOP SPRC CENTEL AOT

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ CBG (ปิด 67.50 บาท ซื้อ/เป้า 98.30 บาท) ได้ข่าวดีกระทรวงพาณิชย์ประกาศให้น้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุม ขณะที่ไตรมาส 3 เริ่มรับรู้รายได้จากการผลิตและจำหน่ายเบียร์ โดยจะรับรู้รายได้และกำไรเต็มไตรมาสในไตรมาส 4

BCH (ปิด 20.10 บาท ซื้อ/เป้า 23 บาท) เราคาดว่ากำไรสุทธิของ BCH จะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 จากแรงส่งของโรคระบาดที่มากขึ้น รวมถึงมีกลุ่มผู้ป่วยจากตะวันออกกลางเพิ่มขึ้นเบื้องต้นเราคาดกำไรสุทธิประมาณ 425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% QOQ

ประเด็นสำคัญวันนี้

1.ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยเกินดุลเป็นเดือนที่ 2 และเร่งตัวขึ้นจากเดือน ส.ค. โดยแบงก์ชาติรายงานตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ก.ย. มียอดเกินดุล 3.4 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากเดือน ส.ค. ที่เกินดุล 400 ล้านเหรียญ นับเป็นการเกินดุล 2 เดือนติดต่อกัน

ส่วนใหญ่เป็นการเกินดุลการค้า 3.8 พันล้านเหรียญ ชดเชยดุลบริการและเงินโอนที่ขาดดุล 400 ล้านเหรียญ เรามีมุมมองบวกกับประเด็นนี้คาดหวังจะเห็นฟันด์โฟลว์ต่างชาติทยอยไหลเข้าตามดุลบัญชีเดินสะพัดที่เป็นบวกมากขึ้น

2.ดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนเดือน ต.ค.ปรับตัวลงสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะยืนเหนือระดับ 50 โดยวานนี้จีนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ต.ค.ลดลงสู่ระดับ 49.5 จาก 50.2 ในเดือน ก.ย. ต่ำกว่าที่ Consensus คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 50.2 ดัชนีที่ลดลงและต่ำกว่า 50

สะท้อนการผลิตจีนหดตัวเป็นลบต่อ Sentimentการลงทุนของหุ้นในกลุ่ม China play อาทิ กลุ่มปิโตรฯ และวัสดุก่อสร้าง

3.คืนนี้ติดตาม FED Meeting คาดคงดอกเบี้ยที่ ระดับ 5.25-5.5% ตามเดิม สะท้อนจาก FED Watch tool นักลงทุนให้น้ำหนัก 97% คาดเฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.2-5.5% โดยมีเพียง 3% เท่านั้นที่คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเป็น 5.5-5.75% อย่างไรก็ตามต้องติดตามถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดจะส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้าอย่างไร