เม.ย.หุ้นกลุ่มการบินคึกคัก รับสงกรานต์นักท่องเที่ยวพุ่ง

โบรกฯเอเซียพลัส ชี้ เม.ย.หุ้น “การบิน” ตีปีก รับอานิสงส์ไฮซีซั่น-เทศกาลสงกรานต์ ดันยอดนักท่องเที่ยวพุ่ง ขณะที่เงินบาทแข็งค่าช่วยลดภาระต้นทุนราคาน้ำมันพุ่ง ฟาก บล.เคทีบีคาดกำไรสุทธิกลุ่มการบินปีนี้ขยายตัว 11% แตะ 2.8 หมื่นล้าน

 

ผู้สื่อข่าวรายงานข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า ช่วงต้นเดือน เม.ย. (ระหว่าง 2-5 เม.ย. 61) ราคาหุ้นในกลุ่มการบินมีการปรับตัวเคลื่อนไหวอย่างโดดเด่น โดยส่วนใหญ่ดีดตัวเด้งขึ้น ได้แก่ บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ที่ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดราว 10.57% มาอยู่ที่ 5.75 บาท จากเดิม 5.20 บาท รองลงมา บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ราคาเพิ่มขึ้น 7.58% อยู่ที่ 15.60 บาท จากเดิม 15.50 บาท บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ปรับขึ้น 3.71% อยู่ที่ 69.75 บาท จากเดิม 67.25 บาท และ บมจ.การบินไทย (THAI) 0.63% อยู่ที่ 15.80 บาท จากเดิม 15.70 บาท

นายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ราคาหุ้นกลุ่มการบินที่ปรับตัวคึกคัก น่าจะมาจากการเก็งกำไรของนักลงทุน โดยมีปัจจัยหนุนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาส 1/2561 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับคาดว่ากลุ่มสายการบินจะได้รับอานิสงส์ดังกล่าวต่อเนื่องยาวไปจนถึงช่วงสงกรานต์ ซึ่งจะส่งผลให้เที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารภายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ แม้รายได้กลุ่มการบินจะมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นตามยอดนักท่องเที่ยว แต่ในด้านต้นทุนการดำเนินงานกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 5-6% เนื่องจากยังมีแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 21% นับจากช่วงต้นปีที่ผ่านมา (ต้นทุนด้านเชื้อเพลิงคิดเป็นสัดส่วน 30-40% ของต้นทุนรวม) อย่างไรก็ตาม สายการบินบางส่วนมีการล็อกราคาน้ำมันล่วงหน้า รวมถึงป้องกันความเสี่ยงจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ก็ช่วยชดเชยผลกระทบส่วนหนึ่ง

“กลุ่มการบินช่วงไตรมาสแรก คาดว่าจะได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ จีน, รัสเซีย, อินเดีย, ไต้หวัน และฮ่องกง ที่เข้ามาเที่ยวมากขึ้น เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือน ม.ค.ที่อยู่ระดับ 3.54 ล้านคน เติบโตกว่า 10.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็อาจส่งผลให้กำไรสุทธิงวดไตรมาส 1 เติบโตได้ไม่เยอะนัก” นายสุวัฒน์กล่าว

ส่วนทิศทางธุรกิจในไตรมาส 2/2561 คาดว่าผลประกอบการอาจจะปรับตัวลดลงจากไตรมาสแรก เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ จากนั้นกลุ่มการบินจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วงไตรมาส 4 โดยฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ประมาณการผลประกอบการปี 2561 ของหุ้นในกลุ่มการบิน ครอบคลุม 4 บริษัท (AOT, THAI, AAV และ BA) คาดว่าจะมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 28,261 ล้านบาท หรือเติบโต 11% จากปี 2560

ขณะที่ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น AAV มากขึ้น จากการที่ค่าโดยสารเฉลี่ยเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวราว 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ดีขึ้นจากเดิมที่คาดไว้เพียง 2% โดยเป็นผลมาจากภาพรวมการท่องเที่ยวที่เติบโตแข็งแกร่ง ส่วนค่าใช้จ่ายต้นทุนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจะได้รับชดเชยจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเช่นกัน จึงประเมินกำไรสุทธิช่วงไตรมาส 1 ว่าจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดีราว 694 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22%

นอกจากนี้ บริษัทยังปรับราคาหุ้น AAV ที่เหมาะสมขึ้นเป็น 6.90 บาท จากเดิม 6.20 บาท และปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ”