หุ้นไทยร่วง 17 จุด จับตานายกฯแถลงเงินดิจิทัล รายละเอียดชัดเรียกเชื่อมั่นได้

ตลาดหุ้นไทย
ภาพ : Pixabay

หุ้นไทยเปิดเช้าร่วงทดสอบจุดต่ำสุด -17 จุด บล.เอเซีย พลัส ชี้นักลงทุนจับตานายกฯแถลงนโยบาย “แจกเงินดิจิทัลวอลเลต” ประเมินหากชี้แจงรายละเอียดโครงการครบถ้วนชัดเจนทุกประเด็น เชื่อช่วยเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ มอง SET ผันผวนน้อยลง ปัจจัยแวดล้อมหนุน

วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ เปิดตลาดภาคเช้าแกว่งตัวในแดนลบตลอดทาง โดยลงไปทดสอบระดับต่ำสุดที่บริเวณ 1,387.41 จุด ลดลง 17.56 จุด โดย ณ เวลา 11.27 น. อยู่ที่บริเวณ 1,393.60 จุด ลดลง 11.37 จุด ติดลบ 0.81% จากดัชนีวันก่อนหน้า

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นโลกและตลาดตราสารหนี้ขึ้นมามาก วานนี้มีการถูกขายทำกำไรออกมาบ้าง หลังประธานเฟดเผยการดำเนินนโยบายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง และไม่ลังเลที่จะขึ้นดอกเบี้ย กดดันบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 2 ปี ปรับขึ้นสูงกว่า 5% อีกครั้ง

               

ส่วนดัชนี SET Index วานนี้มีความผันผวนจากต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 3.1 พันล้านบาท และมีการชอร์ต SET50 FUTURES ถึง 27,345 สัญญา รวมถึงปริมาณ Short Sell สูงถึง 5.1 พันล้านบาท มีสัดส่วนต่อมูลค่าซื้อขาย 11.4% กดดันให้เกิดการย่ำฐานที่บริเวณ 1,400 จุด ในช่วงสั้น ๆ

แต่ในระยะถัดไปเชื่อว่าตลาดหุ้นมีโอกาสทยอยฟื้นขึ้นจาก Valuation อยู่ในโซนน่าสนใจ กำไรที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตามตัวเลขเศรษฐกิจค่อย ๆ ดีขึ้น และการกระตุ้นเศรษฐกิจทยอยตามมา

โดยล่าสุดมีการรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ต.ค. 60.2 จุด (สูงสุดในรอบ 44 เดือน) ตัวเลขความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวสูงขึ้น และวันนี้เป็นวันแรกที่ฟรีวีซ่าให้ชาวอินเดียและไต้หวัน

และที่สำคัญที่สุดในวันนี้คือ นักลงทุนรอจับตานายกฯแถลงรายละเอียด Full Package นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเลตในช่วงเวลา 14.00 น. ว่าบริษัทจดทะเบียนจะได้ประโยชน์จากประเด็นนี้หรือไม่ ? ประเมินดัชนี SET Index ขยับตัวในกรอบ 1,390-1,415 จุด หุ้น Top Pick เลือก BJC, TU และ LH

โดยจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเหลือประชาชน ในช่วง 60 วันที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งดำเนินการหลายนโยบาย อาทิ ลดค่าไฟฟ้าเพิ่มเติมเหลือ 3.99 บาท/หน่วย ลดน้ำมันเบนซิน/ดีเซล และค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นต้น

ขณะที่ระยะถัดไปยังมีอีกหลายมาตรการที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยในวันนี้รอติดตามการแถลงนโยบาย Digital Wallet จากนายกฯ ซึ่งหากมีการชี้แจงรายละเอียดโครงการครบถ้วนชัดเจนในทุกประเด็น เชื่อว่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้กระแสข่าวเชิงบวกที่ออกมาในช่วงนี้ น่าจะเป็นแรงหนุนต่อการไหลเข้าของฟันด์โฟลว์ต่างชาติ

“ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนน้อยลง จากปัจจัยแวดล้อมที่ยังทรงตัว ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังมีโอกาสหนุน SET ด้วยการเรียกความเชื่อมั่นของภาครัฐ ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจไทยที่มีทิศทางดีขึ้น”

ขณะเดียวกันวานนี้ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกันแถลงข่าวเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดว่าต่างชาติทำ Short Sell และ Algo Trading กดดันตลาดหุ้นไทยร่วงหนัก โดยยืนยันว่าจากการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดไม่พบความผิดปกติของข้อมูลดังกล่าว

ส่วนภาพรวมตลาดหุ้นไทย แม้จะผันผวนช่วงสั้น แต่ก็ยังมีเสน่ห์ปรับตัวขึ้นในอนาคต ในหลายมุมมองนับจากนี้ และการที่อัตราเงินเฟ้อเดือนล่าสุดชะลอตัวลงแรง อาจเป็นแรงส่งให้ กนง.ปิดประตูดอกเบี้ยขาขึ้นในปีนี้ที่ระดับ 2.50% ซึ่งส่งผลดีต่อ SET Index ให้มี MEYG ที่สูงกว่าประเทศอื่น ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 3.8% (สูงกว่าหลาย ๆ ประเทศ) ดึงดูดเม็ดเงินจากสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในเชิงเปรียบเทียบ

“ตลาดหลักทรัพย์ฯและ ก.ล.ต. เรียกความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยว่าไม่มีอะไรที่น่ากังวลและผิดปกติ ขณะที่ระยะถัดไปจะเป็น Leading Indicator ภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่กำลังจะฟื้นตัวด้วยซ้ำ ซึ่งฝ่ายวิจัยมีความเห็นที่สอดคล้องเช่นกัน โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ Valuation ของ SET Index ที่ยังน่าสนใจทั้งมุมของ PER, PBV, EPS GROWTH

และ Market Earning Yield Gap ซึ่งเป็นส่วนที่สามารถจำกัดดาวน์ไซด์ และสร้างเสน่ห์ให้กับ SET Index ได้ระดับหนึ่ง ขณะที่ในเชิงพื้นฐานคาดการณ์กำไรไตรมาส 3/2566 ยังเติบโตทั้ง QOQ และ YOY โดยอ้างอิงจาก BLOOMBERG CONSENSUS ที่คาดการณ์ไว้ 161 บริษัท (มาร์เก็ตแคป 83%)

มีกำไร 2.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.5% QOQ และเพิ่มขึ้น 36.1% YOY ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ช่วยผลักดัน SET Index ปรับตัวขึ้นต่อได้ จึงทำให้สามารถเก็บสะสมเพื่อหวังผลกำไรในระยะกลางและยาวได้”