
สมาคมไทยบล็อกเชนรุดถกขุนคลังขอทบทวนเก็บภาษีคริปโทฯ-ICO ขณะที่คลังปัดลดภาษีจากที่กำหนดหัก ณ ที่จ่าย 15% “อภิศักดิ์” ชี้ธุรกิจไม่โปร่งใสกลัวภาษี แนะ TBA หารือ ก.ล.ต.เสนอแนะออกเกณฑ์กำกับ
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ทางสมาคมไทยบล็อกเชน (Thailand Blockchain Association หรือ TBA) ได้เข้ามาหารือถึงการที่รัฐบาลมีนโยบายกำกับดูแลการทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยในประเด็นข้อเรียกร้องที่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษี ซึ่งทางสมาคมมองว่าจัดเก็บอัตราสูงเกินไปนั้น ทางกระทรวงการคลังได้อธิบายหลักการให้ฟัง
“ได้เล่าให้เขาฟังว่า หลักการไปอย่างไร มาอย่างไร แล้วเขาคิดเห็นอย่างไร เราก็รับฟังเขา โดยหลังจากนี้ก็บอกให้เขาไปคุยกับทาง ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) เพราะ ก.ล.ต.จะเป็นคนออกกฎ” นายอภิศักดิ์กล่าว
ก่อนหน้านี้ รมว.คลังให้สัมภาษณ์พิเศษ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงกรณีที่มีการพูดกันว่า หากรัฐเก็บภาษีธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลสูง นักลงทุนก็อาจจะหนีไปลงทุนต่างประเทศ ว่าหากใครจะออกไป ถ้ามีเงินก็ทำได้ ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่ารัฐไม่ได้ปิดกั้นเทคโนโลยีอย่างที่กล่าวกันด้วย เพียงแต่ต้องการคุมผู้ที่ทำไม่ถูกต้อง มีลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ หรือพวกที่หลอกลวง ซึ่งมักจะอ้างว่าเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการระดมทุนของสตาร์ตอัพ
“เราไม่ได้ปิดกั้นเทคโนโลยี ขอให้เป็นของจริงเถอะ ทำไปก็ไม่มีใครว่า แต่อย่าให้ของหลอกลวงมาปรากฏในประเทศไทย ตอนนี้มีคนจะออก ICO เยอะ ซึ่งผู้ที่หลอกลวงมันกลัวภาษี ไม่ใช่กลัวเกณฑ์ ก.ล.ต.” นายอภิศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ แนวคิดการจัดเก็บภาษีก็คือ เมื่อการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้ลงบัญชีเป็นทุน หรือเป็นหนี้ ก็ถือเป็นสินค้า ดังนั้น ทางกรมสรรพากรจึงบอกว่า ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เหมือนการซื้อขายสินค้าหรือบริการทั่วไป ซึ่ง VAT มีภาษีซื้อ ภาษีขาย ที่นำมาหักลบกันได้ก็จะไม่มีภาระภาษี จึงมีการเก็บภาษีเงินได้จากส่วนต่างกำไร หรือเงินปันผลด้วย (capital gain tax)
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า ทางสมาคม TBA ได้ติดต่อขอเข้าพบ รมว.คลัง เพื่อขอให้ทบทวนการเก็บภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% โดยระบุถึงผลกระทบว่า จะเป็นการปิดกั้นการระดมทุน รวมถึงเม็ดเงินที่จะไหลเข้ามาในประเทศ ซึ่งหากรัฐจัดเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำลง จะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจบล็อกเชนไม่ย้ายฐานไปประเทศอื่น
“ทางกระทรวงการคลังที่มีกรมสรรพากร และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เข้าร่วมหารือด้วย ได้ชี้แจงไปว่า รัฐบาลต้องการส่งเสริมผู้ประกอบการที่สุจริต จึงได้ออกกฎหมาย โดยมอบอำนาจให้ทาง ก.ล.ต.เป็นหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งจะมีการออกกฎเกณฑ์ในรายละเอียดอย่างชัดเจนต่อไป ทั้งนี้ สำหรับประเด็นที่มีการเรียกร้องเรื่องภาษีนั้น ก็มีการอธิบายไปว่า ประเทศอื่น ๆ ก็มีการจัดเก็บเช่นกัน อย่างสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นก็เก็บ และเก็บอย่างเท่าเทียมกับธุรกิจอื่น ๆ” แหล่งข่าวกล่าว
ด้านนายศิวนัส ยามดี กรรมการ TBA กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทาง TBA ต้องการร่วมสร้าง ecosystem เกี่ยวกับธุรกิจนี้ จึงได้ขอเข้าพบหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากการหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง ก็มีความเข้าใจร่วมกันดี
โดยการที่ภาครัฐต้องมีการกำกับดูแลการระดมทุนในรูปแบบคริปโทเคอร์เรนซี และ ICO นั้น เนื่องจากมีความกังวลว่าจะมีผู้ทำธุรกิจแบบไม่โปร่งใส ซึ่งสำหรับประเด็นทางด้านภาษีนั้น ทางสมาคมTBA เอง ก็ไม่ได้ถึงกับไม่เห็นด้วย เพียงแต่เห็นว่าหากจัดเก็บในอัตราที่ต่ำลง ก็จะช่วยดึงดูดนักลงทุนมาลงทุนในไทย ทำให้สามารถแข่งขันกับอีกหลายประเทศได้ โดยมูลค่าการซื้อขาย (วอลุ่ม) คริปโทฯจะได้เพิ่มจากปัจจุบัน มีแค่ 0.2% ของมูลค่าการซื้อขายคริปโทฯทั่วโลก
“รมว.คลังได้แนะนำให้ไปคุยกับทาง ก.ล.ต. เพราะเป็นหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งจะมีการออกเกณฑ์ต่าง ๆ และก่อนจะออกเกณฑ์ก็จะมีการรับฟังความคิดเห็น ดังนั้นหลังจากนี้เราก็จะเข้าไปประสานการทำงานกับทาง ก.ล.ต.อย่างใกล้ชิดมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะเข้าไปพูดคุยกับทาง ปปง. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) ด้วย” นายศิวนัสกล่าว