สมาคมบลจ.จับมือ 11 บลจ. ร่วมเปิดตัว”กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย”จ่อทยอยเปิดขายไตรมาส 3-4 นี้

นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่าสมาคมฯ ได้รับความร่วมมือจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทั้งหมด 11 แห่ง ซึ่งเป็น บลจ.ขนาดใหญ่ที่มีขนาดกองทุนรวมภายใต้การบริหารทั้งหมดเป็นสัดส่วน 90% ของทั้งอุตสาหกรรม ประกอบด้วย บลจ.กรุงไทย บลจ.กรุงศรี บลจ.ทหารไทย บลจ.ทาลิส บลจ.ทิสโก้ บลจ.ไทยพาณิชย์ บลจ.บัวหลวง บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) บลจ.กสิกรไทย บลจ.เอ็มเอฟซี และ บลจ.บางกอกแคปปิตอล เตรียมจัดตั้งกองทุนรวมธรรมาภิบาลไทยโดยทั้งหมดจะเริ่มจำหน่ายกองทุนฯได้ในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้

ทั้งนี้กองทุนรวมธรรมาภิบาลไทย มีนโยบายในการลงทุนตราสารทุนของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลาดเอ็มเอไอ (mai) และตลาดรองอื่นๆ โดยจะลงทุนในบริษัทที่มีการดำกับดูแลกิจการที่ดี โดยพิจารณาจากอันดับคะแนน CG ที่มี 4 ดาวขึ้นไปที่ได้รับการรับรองเป็นสมาชิกของแนวร่วมปฎิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น (CAC) และสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยเบื้องต้นได้รับการคัดกรองแล้วทั้งหมด เหลือ 103 บริษัท ซึ่ง บลจ.จะคัดเลือกนโยบายในการลงทุนตามความชำนาญของ บลจ.แต่ละแห่ง โดยมีค่าจัดการกองทุนอยู่ที่ 1.5%

ขณะที่แต่ละบลจ.จะนำรายได้ 40% ของค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนที่ได้รับบริจาคให้แก่หน่วยงานส่งเสริมธรรมภิบาลไทย เพื่อส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีการบริหารธุรกิจอย่างโปร่งใสขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่สามารถประเมินขนาดของกองทุนรวมของบลจ.แต่ละแห่งได้ เนื่องจากจะต้องขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของแต่ละแห่ง ซึ่งบางรายอาจมีนโยบายตั้งกองด้วยมูลค่าสูงตั้งแต่เปิดตัว หรืออาจเน้นการเติบโตในระยะยาว ซึ่งหากหุ้นที่ บลจ.เลือกลงทุนมีการปรับเปลี่ยนทางด้านการบริหารจนก่อให้เกิดอันดับคะแนน CG ลดลง จะหยุดการลงทุนในทันที


“แต่ละ บลจ.ก็จะเลือกหุ้นใน 103 บริษัทที่คัดกรองมาแล้วเข้าไปลงทุน แต่อาจจะไม่เลือกทั้งหมดก้ได้ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละ บลจ. แต่หากหุ้นที่เข้าลงทุนเกิดมีปัญหาในด้านคะแนน CG เกิดขึ้นจะมีการประชุมกันภายในเพื่อหยุดการลงทุนทันที และยังไม่สามารถประเมินขนาดของกองทุนรวมได้เนื่องจากจะขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของแต่ละ บลจ.” นางวรวรรณกล่าว