กลุ่มบริษัทเอไอเอมูลค่าธุรกิจใหม่ไตรมาสแรก 1.02 พันล้านเหรียญสหรัฐ โต20%

(ฮ่องกง, 4 พฤษภาคม 2561) มร. อึง เค็ง ฮุย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 1/2561 กลุ่มบริษัทเอไอเอมีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) อยู่ที่ 1,021 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มูลค่าธุรกิจใหม่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้ เอไอเอในประเทศจีนยังคงเป็นตลาดที่มีการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในไตรมาสแรก โดยมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการเติบโตของจำนวนตัวแทนและผลงานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นของตัวแทน และกลยุทธ์ที่สร้างความแตกต่างในตลาดของเราส่งผลให้เอไอเอมีความโดดเด่นในตลาด โดยเป็นผลมาจากความเป็นมืออาชีพของตัวแทน ซึ่งสามารถให้คำแนะนำที่มีคุณภาพสูงแก่ลูกค้า บวกกับแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ส่งเสริมให้การทำงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น

สำหรับธุรกิจในฮ่องกงมีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมในไตรมาสแรกปี 2561 โดยมีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แม้ว่าเบี้ยประกันภัยรับปีแรกจะลดลงจากช่องทางที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ แต่ก็ได้รับการชดเชยจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นจากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ซึ่งส่งผลให้ผลการดำเนินงานมีความโดดเด่นในครึ่งปีหลังของปี 2560

ในขณะที่ประเทศสิงคโปร์ มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่งมาก และมีอัตราการเติบโตของยอดขายผลิตภัณฑ์มอบความคุ้มครองชีวิตที่ชำระเบี้ยประกันภัยแบบรายงวดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง บวกกับผลการดำเนินงานในช่องทางตัวแทนที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นผลมากจากจำนวนตัวแทนที่เพิ่มขึ้นและผลการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ในขณะที่ประเทศมาเลเซียก็มีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เช่นกัน ทั้งในช่องทางตัวแทนและพันธมิตรทางธุรกิจ

มร. อึง เค็ง ฮุย กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ในไตรมาสแรกปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากผลการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นของตัวแทน ในขณะที่ตลาดอื่น ๆ ก็มีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม โดยมีอัตราการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวเลขสองหลักในประเทศอินโดนีเซีย เกาหลี ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

สำหรับอัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เติบโตอย่างแข็งแกร่ง คิดเป็น 59.7% เปรียบเทียบกับในไตรมาสแรกของปีก่อนที่ 49.2% ซึ่งเป็นผลมาจากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และทางภูมิศาสตร์ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับปีแรกอยู่ที่ 1,696 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2560 แม้ว่ายอดขายในประเทศฮ่องกงจะลดลง แต่ก็ได้รับการชดเชยจากอัตราการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักจากตลาดในประเทศอื่น ๆ  สำหรับอัตรากำไรของมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 10% ในไตรมาสแรกของปี 2561

ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสมมุติฐานเชิงเศรษฐกิจในระยะยาวที่แตกต่างจากที่ปรากฏอยู่ในรายงานประจำปี 2560 ของบริษัท ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้น 14% เป็น 7,219 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเปรียบทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2560 เนื่องจากเรายังคงมีธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มธุรกิจขนาดใหญj

ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงมีภาพรวมเชิงบวก สำหรับเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย มีการปรับตัวสู่การขับเคลื่อนของคนในประเทศเพื่อการส่งออกระหว่างภูมิภาคที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สถานการณ์การเมืองโลกที่ยังมีความไม่แน่นอน ส่งผลต่อความแปรปรวนของตลาดทุน ผู้กำหนดนโยบายต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียจึงยังต้องการความยืดหยุ่นทางการเงินและการคลัง เพื่อรักษาไว้ซึ่งแหล่งทุนภายในประเทศ” มร. อึง เค็ง ฮุยกล่าว