CGS-CIMB มองตลาดหุ้นไซต์เวย์ระยะสั้น-รับผลบาทอ่อนค่า ชี้ศก.ครึ่งปีหลังฟื้น หนุน SET แตะ 1,985 จุด

นายธีระวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการ Equity Derivative บริษัทหลักทรัพย์ CGS-CIMB เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบไซต์เวย์ช่วงระยะสั้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากทิศทางเรื่องค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนค่าลง โดยบริษัทประเมินว่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะเป็นการผันผวนระยะสั้นช่วง 3 เดือนเท่านั้น เนื่องจากครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวได้ดีจากการกระตุ้นการลงทุนของรัฐและภาคเอกชน รวมไปถึงสัญญาณเชิงบวกจากการเลือกตั้งไทย และกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่คาดว่าอยู่ในระดับ 1.1 ล้านล้านบาท เติบโต 10% ช่วยหนุนความเชื่อมั่นต่อเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศให้ไหลกลับเข้ามามากขึ้น หลังจากตั้งแต่ต้นปีต่างชาติเทขายออกไปมากกว่า 90,000 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแตะระดับ 1,985 จุด

ทั้งนี้บริษัทแนะนำลงทุนในช่วงนี้ในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี โดยแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมและเลือกเทรดดิ้งระยะสั้น ส่วนการลงทุนระยะยาวเน้นหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แม้ว่าช่วงนี้จะได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองและการลดค่าธรรมเนียมที่ประเมินว่าธนาคารกสิกรไทยรายได้หายไปกว่า 3 พันล้านบาท ขณะที่ธนาคารกรุงศรีฯ และไทยพาณิชย์รายได้หายไปราว 2 พันล้านบาท จึงแนะนำซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารที่ลงไปค่อยข้างมาก เช่น TMB และ BBL, ส่วนหุ้นกลุ่มสื่อสารเป็น ADVANC และ TRUE, หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวเป็น CENTEL และ SPA, หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เป็น HANA และ KCE, และหุ้นกลุ่มค้าปลีกเป็น CPALL

“หากตลาดลงไปแรงแนะนำให้ซื้อสะสมได้บ้าง แต่หากเลือกเทรดระยะสั้นให้หาการลงทุนประเภทอื่นดีกว่า แต่ยังคงเชื่อว่าโอกาสที่หุ้นจะปรับตัวขึ้นช่วงปลายปีนี้มีความเป็นไปได้จากเรื่องของเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นโดยจะขยายตัวได้ในระดับ 3.7-4% ซึ่งถูกขับเคลื่อนจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากกำลังซื้อที่เริ่มกลับคืนมา ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจไทยสามารถกระจายทั่วถึงทุกภูมิภาคเพิ่มขึ้น”


ส่วนความเสี่ยงที่ส่งผลต่อดัชนีอาจจะมาจากราคาน้ำมัน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ และการเลือกตั้งในประเทศ แนะนำนักลงทุนควรหาช่องทางการลงทุนที่กระจายความเสี่ยงไปลงในต่างประเทศ เนื่องจากยังเชื่อว่าสหรัฐจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะขึ้นในปีนี้ทั้งหมด 4 ครั้ง ขณะที่นักลงทุนที่มองเงินฝากในประเทศไทยให้มองในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อว่ามีการปรับตัวขึ้นจากปัจจัยอะไร ซึ่งคาดว่า กนง. น่าจะยังคงดอกเบี้ยไว้ก่อนในปีนี้ แต่เชื่อว่าจะปรับขึ้น 2 ครั้งในปี 62 ตั้งแต่ต้นปีช่วงไตรมาสแรก และปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในช่วงปี 2563″นายธีระวุฒิกล่าว