เปิดเหตุผล NVIDIA มีโอกาสแซง Microsoft บริษัทมูลค่ามากสุดในโลก

nvidia มูลค่าบริษัท
REUTERS/Dado Ruvic

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ เปิดเหตุผลมาร์เก็ตแคป NVIDIA มีโอกาสแซง Microsoft ในไม่ช้า และจะกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ากิจการมากที่สุดในโลก

วันที่ 11 มิถุนายน 2567 นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของหุ้น NVIDIA อยู่ที่ประมาณ 2.98 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (คำนวณจากราคาปิดวันที่ 6 มิ.ย. 2567) ขณะที่มาร์เก็ตแคปของ Microsoft อยู่ที่ 3.16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ดังนั้นหากมูลค่าหุ้น NVIDIA ขยับขึ้นอีกราว 6% จะพุ่งแซง Microsoft กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ากิจการมากที่สุดในโลก ซึ่งเชื่อว่ามีโอกาสแซงได้ในไม่ช้า เหตุผลเพราะ NVIDIA มีเซนติเมนต์เชิงบวกจากอัตราการเติบโตสูงต่อเนื่อง และสูงกว่าบริษัทในกลุ่ม Magnificent Seven ที่เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม

โดยกำไรช่วงไตรมาส 1/2567 ที่ผ่านมา NVIDIA เติบโต 486% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) ในขณะที่ Microsoft เติบโต 20% Amazon เติบโต 216% META เติบโต 114% Google เติบโต 62% APPLE เติบโต 0.7% และ Tesla ลดลง 9% สะท้อนให้เห็นกำไรของ NVDIA มีลักษณะการเติบโตที่ฉีกจากกลุ่มอยู่พอสมควร และยังมีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นอีกด้วย

“ปัจจัยที่ทำให้ราคาหุ้นของ NVIDIA มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจาก 3 สาเหตุหลักคือ 1. ผลประกอบการ NVIDIA ในส่วนธุรกิจ Data Center มีอัตราการเติบโตสูงถึง 300-400% ถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 2. ดีมานด์ของความต้องการในสินค้า AI ยังมีอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง และ 3. มีการออกสินค้าใหม่ในทุกปี ตามที่ Jensen Huang ซีอีโอ NVIDIA ขึ้นพูดในงาน Computex ที่ไต้หวัน”

โดยปีนี้ได้เปิดตัวชิปประมวลผลกราฟิกเอไอรุ่นใหม่ชื่อว่า Blackwell ปีหน้าจะมีรุ่นอัพเกรดเป็น Blackwell Ultra และในปีถัดไปจะเป็น GPU ใหม่โค้ดเนม Rubin รวมทั้งจะมีการทำ Module ของ AI ทั้งซีพียูและจีพียูรวมกันเป็นแพลตฟอร์ม ทำให้ NVIDIA สามารถเข้าไปมีส่วนชิงมาร์เก็ตแชร์คู่แข่งได้เพิ่มขึ้น พร้อมกันนั้นในช่วงครึ่งปีหลังจะมี AI PC (ชิปที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ก, แท็บเลต) ซึ่งผู้ทำระบบ AI อย่าง Google, Amazon, META, Microsoft ต้องมีการลงทุนมากขึ้น จึงส่งผลบวกต่อ NVIDIA โดยตรง

ADVERTISMENT

แต่อย่างไรก็ตามโมเมนตัมในมิติการเติบโตของ NVIDIA ช่วงไตรมาส 2/2567 คงมีแนวโน้มการเติบโตแบบชะลอตัวลงบ้าง เพราะคงไม่สามารถรักษาการเติบโตใกล้ระดับ 500% ไปตลอดกาลได้ แต่เชื่อว่าการเติบโตคงจะไม่ได้ลดแรง และยังมีอัตราการเติบโตดีกว่าบริษัทในกลุ่ม Magnificent Seven

ด้านมูลค่าหุ้นของ NVIDIA ตอนนี้มีระดับอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) อยู่ที่ประมาณ 40-45 เท่า ดังนั้นคงต้องติดตามต่อไปว่าถ้ามาร์เก็ตแคป NVIDIA พุ่งแซง Microsoft ได้แล้วจะทิ้งห่างได้นานแค่ไหน เพราะธุรกิจ NVIDIA อาจมีจุดอิ่มตัวอยู่เหมือนกัน โดยประเมินกำไรต่อหุ้น (EPS) ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 28 ดอลลาร์สหรัฐ มีโอกาสราคาหุ้นจะขึ้นไปแตะ 140 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ราคาตรงนี้ต้องระมัดระวังแล้ว เพราะระดับ P/E ที่ 50 เท่า ราคาหุ้นเริ่มเต็มมูลค่า จึงแนะนำว่าให้ขายทำกำไรหุ้น NVIDIA ในช่วงเวลานั้น และหาจังหวะเข้าใหม่ช่วงที่มีข่าวดีเพิ่มเติม

ADVERTISMENT

ส่วนกรณี NVIDIA แตกพาร์หุ้นจาก 1 หุ้นเป็น 10 หุ้น มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 2567 อาจจะไม่มีผลกระทบกับภาพปัจจัยพื้นฐานของ NVIDIA เพราะแค่มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น 10 เท่า และราคาหุ้นปรับตัวลดลง 10 เท่า แต่ความมั่งคั่งยังเท่าเดิม อย่างไรก็ดีคงเป็นเซนติเมนต์เชิงบวกกับราคาหุ้นในช่วงระยะสั้น ๆ เพราะอาจจะกระตุ้นความสนใจในหมู่นักลงทุนรายย่อยเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น แต่ตามสถิติการแตกพาร์หุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ (Amazon, Microsoft, Google, Tesla) ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าไม่ได้มีผลตอบแทนกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นภายใต้ธีมนี้คงยากหากจะเข้าไปเก็งกำไร