
รัฐบาลไฟเขียวโครงการ “ปุ๋ยคนละครึ่ง” หุ้นไหนได้อานิสงส์ “บล.กสิกรไทย” ชี้ธุรกิจ “จำนำทะเบียน” ตีปีก คาดหนุนดีมานด์สินเชื่อ-เก็บออมมาช่วยชำระหนี้ได้ มองควบคุมหนี้เสียเริ่มยืนได้ เอ็นพีแอลไม่วิ่งขึ้นกระฉูดในช่วงครึ่งปีหลัง
วันที่ 17 มิถุนายน 2567 นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวว่า ภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ได้มีมติเห็นชอบโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เพื่อลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยมอบหมายให้กรมการข้าว นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วที่สุดภายในเดือน มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ จะสนับสนุนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 67/68 ที่ขึ้นทะเบียนกับ ธ.ก.ส.ไม่เกินไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ (ครัวเรือนละไม่เกิน 4,000-10,000 บาท) โดยวิธีการทางรัฐบาลจะช่วยครึ่งหนึ่งและชาวนาจ่ายอีกครึ่งหนึ่ง โดยจะจ่ายผ่านแอปพลิเคชั่นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไม่ว่าจะเป็นค่าปุ๋ย ค่าชีวภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ชาวนาใช้ปลูกพืช ทั้งนี้ ไม่ได้จ่ายเป็นเงินสดเพื่อให้มั่นใจว่าเงินที่สนับสนุนนำไปซื้อปุ๋ยจริง และให้ผู้ค้าขายปุ๋ยต้องมาลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมโครงการนี้
“ประเด็นเกี่ยวกับราคาขายปุ๋ยอาจะต้องไปร่วมศึกษาต่อ เพราะอยากให้ขายที่ราคาเดียวกัน ซึ่งมีปุ๋ยกว่า 14-15 สูตร”
อย่างไรก็ตาม ประเมินจากนโยบายนี้ถ้าทำได้จริงน่าจะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนที่เป็นชาวนาไปได้พอสมควร เพราะเป้าหมายคือ 4.68 ล้านครัวเรือน
โดยผลประโยชน์มองหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ โดยเฉพาะหุ้นจำนำทะเบียน ซึ่งมีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร อาทิ MTC มีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มเกษตรกรเกือบ 30-40%, SAK มีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มเกษตรกร 60-70%, SAWAD มีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มเกษตรกร 20-30%, TIDLOR มีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มเกษตรกร 10%
คาดหากมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปจะทำให้ฐานลูกค้ามีเงินในกระเป๋ามากขึ้น อาจจะมีกำลังในการลงทุนมากขึ้น หนุนดีมานด์สินเชื่อ หรือบางส่วนเก็บออมมาช่วยชำระหนี้ได้ และช่วยทำให้ทิศทางการควบคุมหนี้เสีย (NPL) ในกลุ่มจำนำทะเบียน โดยเฉพาะอาจจะเริ่มยืนได้ เอ็นพีแอลอาจจะไม่ได้วิ่งขึ้นไปกระฉูดในช่วงครึ่งปีหลัง ฉะนั้น ภาพโดยรวมมองเป็นบวกอ่อน ๆ กับมาตรการนี้กับกลุ่มจำนำทะเบียนโดยเฉพาะ
ศูนย์ข้าวชุมชน มั่นใจโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ช่วยชาวนา-กระตุ้น ศก.ภาคเกษตร