
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2567 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (17/6) ที่ระดับ 36.67/68 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (14/6) ที่ระดับ 36.74/76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
โดยเมื่อช่วงคืนวันศุกร์ (14/6) ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ เนื่องจากนักลงทุนพากันถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในฝรั่งเศส เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรคเนชันแนล แรลลี (National Rally) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดและอยู่ตรงข้ามกับพรรครัฐบาลฝรั่งเศสเพิ่งคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งรัฐสภายุโรปก่อนที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะปรับตัวอ่อนค่าลง หลังถูกกดดันจากผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่ลดลงต่ำกว่าคาดในเดือน มิ.ย.
โดยผลสำรวจของมหาวิทยามิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 65.6 ในเดือน มิ.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 71.5 จากระดับ 69.1 ในเดือน พ.ค. แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.3% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566
สำหรับปัจจัยในภูมิภาค ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนไว้ที่ระดับ 2.50% ในวันนี้ (17/6) สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
โดยธนาคารกลางจีนได้คงอัตราดอกเบี้ย MLF ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารกลางมีความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน เมื่อพิจารณาจากสภาพคล่องในระบบที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งการที่ธนาคารกลางเผชิญกับแรงกดดันในการปกป้องเงินหยวนไม่ให้อ่อนค่าลงอีก ที่ผ่านมานั้น ธนาคารกลางจีนหลีกเลี่ยงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับสกุลเงินหยวน แม้ธนาคารกลางจีนเผชิญกับเสียงเรียกร้องมากขึ้นให้ดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม
สำหรับปัจจัยในประเทศ คำร้องยุบพรรคก้าวไกลยังคงเป็นคดีที่จะต้องติดตาม โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยสั่งยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การกระทำของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกลที่เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 แล้วใช้เป็นนโยบายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ซึ่งล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อศาลภายในวันนี้ (17/6) และมีกำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันพรุ่งนี้ (18/6) ซึ่งอาจจะกระทบต่อค่าเงินบาทให้เคลื่อนไหวผันผวนในระยะสั้นได้ ทั้งนี้ในระหว่างวัน ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 36.65-36.85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 36.81/82 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (17/6) ที่ระดับ 1.0699/02 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (14/6) ที่ระดับ 1.0690/92 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรปรับตัวอ่อนค่าตั้งแต่ช่วงวันพฤหัสบดี (14/6) ที่ผ่านมาหลุดระดับ 1.0700 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝรั่งเศส
ทั้งนี้ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ไม่มีแผนการที่จะหารือกันเรื่องการเข้าซื้อพันธบัตรฝรั่งเศสอย่างฉุกเฉิน และอีซีบียังมองว่าเป็นหน้าที่ของนักการเมืองฝรั่งเศสในการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนเอง โดยในระหว่างวันยูโรเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1.0684-1.0714 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0709/12 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (17/6) ที่ระดับ 157.44/47 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (24/5) ที่ระดับ 157.48/50 โดยธนาคารกลางญี่ปุ่นเพิ่งเปิดเผยผลการประชุมกำหนดนโยบายประจำวันที่ 13-14 มิ.ย. ในวันศุกร์ (14/6) ที่ผ่านมา โดยระบุว่าบีโอเจจะยังคงเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นในอัตรา 6 ล้านล้านเยน (3.8 หมื่นล้านดอลลาร์) ต่อเดือนตามเดิมต่อไป
อย่างไรก็ตาม บีโอเจจะวางแผนการอย่างละเอียดสำหรับการปรับลดขนาดการเข้าซื้อ JGB ลงสำหรับช่วง 1-2 ปีข้างหน้าในการประชุมกำหนดนโยบายครั้งถัดไปในวันที่ 30-31 ก.ค. ทั้งนี้การปรับลดขนาดการเข้าซื้อดังกล่าวจะนำไปสู่การปรับลดขาดงบดุลของบีโอเจลงจากระดับ 5 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน และถือป็นการดำเนินอีกขั้นตอนหนึ่งในการปรับลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 157.12-157.71 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 157.68/70 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือน มิ.ย., ยอดค้าปลีกเดือน พ.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ค., สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือน เม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือน พ.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 1/2567, สต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือน มิ.ย. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือน มิ.ย.
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -10.4/10.2 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -7.0/-5.9 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ