ตลท. เริ่มใช้เกณฑ์ Uptick 1 ก.ค. ฟื้นความเชื่อมั่น แม้โบรกฯบางรายไม่พร้อม

SET

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมใช้มาตรการ Uptick 1 ก.ค.นี้ แม้มีโบรกเกอร์บางรายไม่พร้อม ชี้ต้องเร่งดำเนินการ รวมถึงทบทวนหลักทรัพย์ที่ Short Selling ได้ 21 มิ.ย.นี้ และประกาศรายชื่อหุ้นที่เข้าเกณฑ์ใน 24 มิ.ย.นี้

วันที่ 18 มิถุนายน 2567 นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในฐานะโฆษก ตลท. เปิดเผยถึงความคืบหน้ามาตรการเพิ่มเติมเพื่อยกระดับความเชื่อมั่น โดยล่าสุดบอร์ดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเห็นชอบ ทบทวนหลักทรัพย์ที่ Short Selling ได้

ซึ่งจะดำเนินการออกระเบียบกำหนด รายชื่อหุ้นที่สามารถ Short Selling ที่ไม่ได้อยู่ใน SET100 และต้องมี MKT Cap มากกว่า 7,500 ล้านบาท และมี Turn Over Ratio เฉลี่ย 12 เดือน อยู่ที่ 2% ซึ่งจะสามารถออกระเบียบได้ภายในวันศุกร์ (21 มิ.ย.นี้) และคาดว่าจะสามารถประกาศชื่อหุ้นได้ภายในวันจันทร์ (24 มิ.ย.นี้)

และเพิ่มมาตรการ Uptick ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการลดความผันผวนที่ผิดปกติของราคาหลักทรัพย์ โดยกำหนดให้ขายชอร์ต (ในทุกหลักทรัพย์) ได้ในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย (ปัจจุบันให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาเท่ากับหรือสูงกว่า Zero-plus Tick) โดยจะเริ่มบังคับใช้วันที่ 1 กรกฎาคมนี้

ด้านความพร้อมของสมาชิก (โบรกเกอร์) ในการใช้มาตรการ Uptick อาจจะมีบางรายที่ยังไม่พร้อม เนื่องจากกำหนดใช้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการสำคัญ จะมีผลต่อการสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ซึ่งสมาชิกที่ยังไม่พร้อมต้องเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการ

อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มีความพร้อมที่จะดำเนินมาตรการตามที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯจะประกาศใช้ โดยเชื่อว่าหากมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้จะส่งผลให้ธุรกรรมการทำ Short Selling ได้ยากขึ้น

ADVERTISMENT

นอกจากนี้จะมีการเปิดเผยข้อมูลผู้ลงทุนที่ส่งคำสั่งไม่เหมาะสมให้แก่สมาชิกทุกราย 1 ก.ค.นี้ และจะเริ่มเปิดเผยข้อมูลผู้ถือ NVDR สูงสุด 10 รายแรกและผู้ถือตั้งแต่ 0.5% ให้บุคคลทั่วไปทราบ (ลักษณะเดียวกับการเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียน) ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้

“เราหวังว่ามาตรการที่ออกมานั้นจะสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ลงทุน ซึ่งก็ต้องรอติดตามผลต่อไป เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ประเด็นปัญหาทางการเมือง ซึ่งหากภาพประเด็นต่าง ๆ มีความชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะการเมืองในประเทศ ผู้ลงทุนต่างประเทศก็จะมีความมั่นใจในการลงทุน เพราะสิ่งที่นักลงทุนต่างประเทศกังวลมากที่สุดคือความไม่ชัดเจน”

ADVERTISMENT