
ส่อง 14 หุ้น รับอานิสงส์ หลังตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศการใช้มาตรการ Uptick Rule ลดความผันผวนของราคาหุ้น เริ่มวันที่ 1 ก.ค.นี้ โบรกฯคาดหุ้นได้แรงหนุนจากการ Cover Short
วันที่ 19 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด รายงานผ่านบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เดินหน้ามาตรการต่าง ๆ ที่เตรียมเข้ามากระตุ้นตลาดหุ้น เริ่มจากแนวทางการลดแรงกดดันจาก Short Sell โดยการนำ Uptick Rule เข้ามาใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 ซึ่งหวังว่าจะเป็นกลไกที่ช่วงลดแรงกดดันด้านราคา และหวังว่าจะดึงเม็ดเงินใหม่กลับเข้ามาซื้อชดเชยจากปริมาณ Short Sell ที่ลดลง
โดยเปรียบเทียบกับช่วงโควิดปี 2563 หลังมีการใช้กฏ Uptick มูลค่า Short Sell ลดลงจาก 3,992 ล้านบาทต่อวัน (สัดส่วน 5.97% ของมูลค่าซื้อขายต่อวัน) เหลือเพียง 850 ล้านบาทต่อวัน (สัดส่วน 1.23% ของมูลค่าซื้อขายต่อวัน) หรือลดลงไปกว่า 79% ขณะที่มูลค่าซื้อขายรายวันไม่ได้ลดลงตาม ดังรูปด้านล่าง แนะนำหุ้นพื้นฐาน ได้แรงหนุนจากการ Cover Short (ซื้อหุ้นกลับคืน) อย่าง IVL, AWC, SCGP, GPSC, PTT, BEM, TIDLOR, CENTEL, SCC
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ รายงานว่า มาตรการ Uptick จะส่งผลบวกต่อกลุ่มหุ้นที่มีปริมาณการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืน (Outstanding Short Positions) ของหลักทรัพย์ Local + NVDR/จำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว (%) สูง ซึ่งคาดว่าจะมีแรงปิดสถานะขายชอร์ตในหุ้นดังกล่าว หาก ตลท. สามารถประกาศใช้มาตรการนี้ได้จริงตามกำหนดการเดิม ทำให้ราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวได้ในระยะสั้น แนะนำเก็งกำไรในตัวที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมี Upside จากราคาตามมูลค่าพื้นฐานที่สูงมากอยู่ ได้แก่ EA, TOP, BEM, KCE และ SPRC
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีฯ ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า มาตรการ Uptick เข้ามาใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 มองบวก ต่อ SET คาดจะลดความผันผวนตลาดในปัจจุบันทุกหลักทรัพย์ ผลคือ หากนักลงทุนจะ Short จะต้องเปิด Short ที่ราคา Offer หรือราคาที่สูงกว่าราคาตลาด ซึ่งจะไม่จูงใจให้นักลงทุนเปิด Short Position หรือทำการ Short ได้ยากขึ้น เป็นมาตรการที่เคยใช้ในอดีตช่วง 13 มี.ค.-30 ก.ย. 67 (ในช่วงดังกล่าว SET +9.5% ในช่วงเวลาดังกล่าว 3) ลงทะเบียน HFT (1 ก.ค.) และเปิดเผยผู้ส่งคำสั่งไม่เหมาะสม (1 ก.ค.)
โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาด และน่าจะลดความผันผวน จำกัด Downside ต่อ SET Index มองมาตรการที่จะช่วยลดความผันผวนต่อตลาดหุ้นได้มากระยะถัดไป คือ Central Order Screening ที่จะมีผลต้นปี 2568