ยอดค้าปลีกสหรัฐต่ำกว่าคาด หนุนบาทแข็งช่วงสั้น

ยอดค้าปลีกสหรัฐต่ำกว่าคาด หนุนบาทแข็งช่วงสั้น

วันที่ 19 มิถุนายน 2567 ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 19 มิถุนายน 2567 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (19/6) ที่ระดับ 36.68/69 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (18/6) ที่ระดับ 36.83/84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

โดยคืนวานนี้ (18/6) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าระดับคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากปรับตัวลง 0.2% ในเดือน เม.ย. และมีการเปิดเผยว่า สต๊อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน เม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ หลังจากลดลง 01% ในเดือน มี.ค.

นอกจากนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้มีการเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือน พ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากไม่เปลี่ยนแปลงในเดือน เม.ย. หรือปรับตัวขึ้น 0.0% และเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายปี โดยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เครื่องมือ FedWatch Tool ของ LSEG บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ แม้เฟดจะส่งสัญญาณในการประชุมครั้งล่าสุดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปีนี้ก็ตาม โดยความเป็นไปได้ว่าจะมีารปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นสู่ระดับร้อยละ 67.6

ทั้งนี้ ตลาดรอติดตามตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างในวันพรุ่งนี้ (20/6) และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการจากเอสแอนด์พี โกลบอลในวันศุกร์ (21/6)

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ วันนี้ (19/6) นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ออกมาแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ที่มีภาวะตกต่ำซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการทยอยปิดกิจการเพิ่มมากขึ้น โดยมีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาสงครามทางการค้าที่ทางสหรัฐและสหภาพยุโรปตอบโต้กับจีน

ADVERTISMENT

ขณะที่กำลังการผลิตยังมีเท่าเดิมทำให้มีสินค้าราคาถูกทะลักเข้ามาในภูมิภาคอาเซียนจนอุตสาหกรรมในประเทศต้องลดกำลังการผลิตเพราะมีต้นทุนสูงกว่า ทั้งนี้ในระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 36.6636.73 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 36.67/68 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร เปิดตลาดเช้าวันนี้ (19/6) ที่ระดับ 1.0737/38 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (18/6) ที่ระดับ 1.0718/22 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ประธานาธิบดีมาครงตัดสินใจประกาศยุบสภาในวันที่ 9 มิ.ย. พร้อมกับจัดการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาฝรั่งเศสใหม่แบบเร่งด่วน ซึ่งจะมีขึ้น 2 รอบในวันที่ 30 มิ.ย. และ 7 ก.ค.

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0725-1.0742 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0739/40 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน เปิดตลาดเช้าวันนี้ (19/6) ที่ระดับ 157.84/85 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (18/6) ที่ระดับ 158.07/12 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยเช้าวันนี้ (19/6) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้มีการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินประจำเดือน เม.ย.โดยระบุว่ากรรมการบริหารของ BOJ ได้หารือกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเร่งกระบวนการปรับนโยบายการเงินสู่ระดับปกติให้เร็วขึ้น เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนมีความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อและอาจจะทำให้ BOJ ต้องใช้มาตรการการรับมือ

โดยรายงานการประชุมดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ BOJ อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือน ก.ค. แม้ตลาดคาดการณ์ว่าโอกาสที่ BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือน ก.ค.แม้ตลาดดาดการณ์ว่าโอกาสที่ BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมีน้อยลง

โดยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของญี่ปุ่นที่มีการเปิดเผยออกมานั้น ยอดการส่งออกประจำเดือน พ.ค.ขยายตัวสู่ระดับ 13.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่การนำเข้าในเดือนเดียวกันออกมาที่ระดับ 9.5% ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่้อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 157.61-157.92 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 157.83/87 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) (19/6), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (20/6), ดัชนีภาคการผลิตเดือน มิ.ย.จากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (20/6), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน (21/6), ยอดขายบ้านมือสอง (21/6) และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการจากเอสแอนด์พี โกลบอล (21/6)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -9.9/-9.6 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยงภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -7.3/-6.5 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ