
พิชัย-ขุนคลัง ผุดแนวคิดฟื้น “กองทุนรวมวายุภักษ์“ กองใหม่ พยุงหุ้น เล็งขายผู้ลงทุนทั่วไปวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท คาดได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3/67 เชื่อเป็นการสร้างเงินออมให้กับประเทศเพิ่มจากกองทุน TESG
วันที่ 25 มิถุนายน 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นอกเหนือจากการปรับเงื่อนไขกองทุน TESG ส่วนตัวยังมีแนวคิดที่จะฟื้นกองทุนรวมวายุภักษ์ ซึ่งเคยเป็นที่นิยมมาก เพราะออกมาไม่พอจำหน่าย โดยกองทุนรวมวายุภักษ์ในอดีตเป็นกองทุนเปิดจดทะเบียนใน SET แบ่งออกหน่วย ก. (สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป) และหน่วย ข. (สำหรับกระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่น)
โดยผู้ลงทุนทั่วไปจะได้รับผลตอบแทนตามจริง โดยมีขั้นต่ำต่อปี/ขั้นสูงต่อปี เป็นเวลา 10 ปี และได้รับชำระคืนเงินลงทุนก่อนผู้ถือหน่วย ข. ตามแนวชำระคืนที่มีลักษณะเป็น Waterfall (ขั้นต่ำของผลตอบแทนการลงทุน)
“หมายความว่าผู้ลงทุนจะได้รับการประกันระดับต่ำก่อน เช่น ผลตอบแทน 3% และหากระดับสูง เช่น ผลตอบแทนที่ 7-9% ส่วนกรณีหากผลตอบแทนต่ำกว่า 3% ก็จะได้รับชำระคืนเงินลงทุนก่อนผู้ถือหน่วย ข. ตามแนวชำระคืน Waterfall อย่างไรก็ดี บลจ.ที่จะบริหารกองทุนนี้แทนภาครัฐคงจะต้องเลือกหน่วยลงทุนที่มี Performance ที่ดี เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาเรื่อง Waterfall โดยมองว่าการสร้างหน่วยลงทุนขึ้นมาใหม่จะเป็นการสร้างเงินออมให้กับประเทศด้วย” ขุนคลังกล่าว
เบื้องต้นมีเม็ดเงินลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ หน่วย ข. อยู่จำนวน 3.5 แสนล้านบาท หากจำหน่ายกองทุนรวมวายุภักษ์ใหม่แก่ผู้ลงทุนทั่วไป คาดวงเงินประมาณ 1.5 แสนล้านบาท จะทำให้รวมมีเงินลงทุน 2 กองนี้ราว 5 แสนล้านบาท
“เรื่องนี้ผมพึ่งคิดได้เมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มมอบหมายงานให้ไปศึกษาเพิ่ม โดยกำลังพิจารณารูปแบบกองทุนว่าควรจะเป็นอย่างไร ที่จะดีขึ้นและแข็งแรงขึ้น เบื้องต้นคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3/2567 เพราะเกณฑ์ใหม่ของกองทุน TESG ให้ไปศึกษาไม่เกิน 2 เดือน ก็สามารถสรุปเงื่อนไขใหม่ได้” นายพิชัยกล่าว