SCB ปรับแผนธุรกิจประกัน ชี้ปัญหา ‘หนี้ครัวเรือน-เศรษฐกิจ’ เห็นสัญญาณลูกค้าทิ้งกรมธรรม์พุ่ง

ไทยพาณิชย์ ตั้งเป้ารายได้ธุรกิจแบงก์แอสชัวรันซ์ สิ้นปีโต 7-8% ปรับแผนธุรกิจประกัน ลดพอร์ตซิงเกิลพรีเมี่ยม เพิ่มกรมธรรม์ที่มีเงินคืนในระยะยาว ชี้ปัญหา ‘หนี้ครัวเรือน-เศรษฐกิจ’ เห็นสัญญาณลูกค้าทิ้งกรมธรรม์พุ่ง แนะปรับชำระเบี้ยรายเดือน-ขอลดทุนประกัน-ลดระยะเวลาชำระเบี้ย

วันที่ 5 กรกฎาคม 2567 นางสาวปรมาศิริ มโนลม้าย รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจประกัน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ในช่วงสิ้นปี 2567 ธนาคารไทยพาณิชย์ตั้งเป้ารายได้ธุรกิจแบงก์แอสชัวรันซ์ จะเติบโตระดับ 7-8% จากปีก่อน ประเมินจากเบี้ยรับรายใหม่ที่เข้ามาในปีนี้ ทั้งจากเบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ และประกันบ้าน (ไม่รวมเบี้ยปีต่ออายุ)

โดยในส่วนสินค้าประกันชีวิต ปีนี้ธนาคารได้ปรับแผนขายสินค้าใหม่ โดยลดการขายประกันชีวิตที่ชำระเบี้ยครั้งเดียว (ซิงเกิลพรีเมี่ยม) เพื่อมุ่งไปสู่การขายสินค้าความคุ้มครองระยะยาวมากขึ้น เช่น เน้นขายกรมธรรม์ที่มีเงินคืนในระยะยาว โดยคุ้มครองไปจนถึงอายุ 70 ปี 80 ปี และ 90 ปี เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าคนไทยใส่ใจเรื่องความคุ้มครองชีวิตสุขภาพและโรคร้ายแรงมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการวางแผนระยะยาวมากขึ้นด้วย จึงต้องการจะสร้างความคุ้มครองและกระแสเงินสด (Cash Flow) ให้กับลูกค้าในระยะยาว

“เหตุผลหนึ่งที่เราปรับจากการขายสินค้า เพราะช่วงนี้ตลาดการลงทุนค่อนข้างจะผันผวน ทำให้เป็นโอกาสประกันที่คุ้มครองระยะยาวมาช่วยเสริมพอร์ตของลูกค้าได้ โดยเฉพาะลูกค้า Wealth ก่อนหน้านี้เน้นการลงทุนอื่น และเห็นประกันเป็นเรื่องรอง แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาหันมาใส่ใจการออมระยะยาวผ่านประกันมากขึ้น ประกอบกับภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูง ก็ยิ่งทำให้ลูกค้าจำเป็นต้องวางแผนทางการเงิน” นางสาวปรมาศิริกล่าว

แต่แน่นอนว่าจำนวนเบี้ยส่วนนี้อาจจะไม่ได้ก้อนใหญ่ ไม่เหมือนช่วงที่ขายสินค้าซิงเกิลพรีเมี่ยม อาทิ 10/1 หรือ 10/2 ที่ได้เบี้ยก้อนใหญ่เข้ามาทีเดียว เพราะฉะนั้นการเติบโตของยอดขายจากเบี้ยประกันชีวิตของธนาคารในสิ้นปีนี้ คาดการณ์ว่าอาจจะโตใกล้เคียงกับปี 2566 ในระดับ 2-3% แต่อย่างไรก็ดีจะเห็นความแตกต่างที่เพิ่มขึ้นในส่วนของจำนวนกรมธรรม์ที่จะโตมากกว่าจำนวนเบี้ยประกัน

โดยตอนนี้ธนาคารได้ปรับพอร์ตสินค้าประกันชีวิต (Product Mix) เพิ่มสัดส่วนกรมธรรม์ประกันชีวิตคุ้มครองระยะยาวมาเป็น 30% และลดสัดส่วนประกันสะสมทรัพย์เหลือ 70% จากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พอร์ตประกันสะสมทรัพย์คิดเป็นสัดส่วนกว่า 80-90%

ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารไทยพาณิชย์มีมาร์เก็ตแชร์จากธุรกิจแบงก์แอสชัวรันซ์ คิดเป็นประมาณ 30% ครองอันดับ 1 ของตลาด มีฐานลูกค้ารวม 3 ล้านคน เป็นลูกค้ากลุ่ม Wealth สัดส่วนประมาณ 60-70% และที่เหลือ 30-40% เป็นลูกค้ารายย่อย

อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจและปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ขณะนี้เห็นอัตราการต่ออายุกรมธรรม์ประกันในกลุ่มลูกค้ารายย่อยลดลงในระดับ 5-6% ซึ่งมีนัยสำคัญมาก โดยที่ผ่านมาธนาคารพยายามเน้นการให้บริการลูกค้าจากชำระเบี้ยรายปีมาเป็นแบบรายเดือน หรือผ่อนชำระ และกรณีลูกค้าที่ทำประกันชีวิตมาสักระยะหนึ่งและจ่ายไม่ไหว แนะนำว่าให้ทำเรื่องขอปรับลดทุนประกันชีวิต เพื่อไม่ให้เสียสิทธิไปตรวจสุขภาพหรือต้องทำกรมธรรม์ใหม่ หรือจะใช้วิธีลดระยะเวลาชำระเบี้ยก็ได้