
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 36.00-36.50 บาทต่อดอลลาร์ หลังสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือน เผย ตลาดติดตามข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2 และเงินเฟ้อ PCE เดือนมิ.ย.ของสหรัฐ และผันผวนตามการเมืองสหรัฐ ทำให้นักลงทุนปรับสถานะใหม่
วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประเมินเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 36.00-36.50 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 36.27 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 35.82-36.28 บาท/ดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังระหว่างสัปดาห์เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือน
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเงินเยนและฟรังก์สวิสในสัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางการซื้อขายผันผวน โดยในช่วงแรกดัชนีดอลลาร์ร่วงลงแตะจุดต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ขณะอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้งให้สัมภาษณ์ว่าปัญหาเงินดอลลาร์แข็งค่าส่งผลต่อภาคการผลิตของสหรัฐ ทางด้านเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายส่งสัญญาณว่าอาจใกล้ที่จะลดดอกเบี้ย
ส่วนธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) คงดอกเบี้ยไว้ที่ 3.75% ตามคาด โดยอีซีบีเปิดกว้างสำหรับการตัดสินใจด้านนโยบายในการประชุมเดือน ก.ย.และปรับลดมุมมองที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน อีกทั้งคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอลงต่อไป ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทย 1,755 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตรสุทธิ 1,122 ล้านบาท ตามลำดับ
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรีฯ ให้ความเห็นถึงสถานการณ์ตลาดในสัปดาห์นี้ว่า ตลาดจะติดตามข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2 และเงินเฟ้อ PCE เดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนอาจปรับสถานะเพื่อประเมินความเสี่ยงใหม่ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐ อนึ่ง แม้ตลาดคาดว่ามีโอกาสสูงที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะชนะการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. และคาดว่าสหรัฐจะดำเนินนโยบายการค้าแบบแข็งกร้าวมากขึ้น
อีกทั้งการกู้ยืมภาครัฐจะจำกัดขาลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐ แต่ในระหว่างนี้เราคาดว่าเงินเฟ้อและการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถเริ่มต้นวัฏจักรการลดดอกเบี้ยในอีกไม่ช้า โดยนักลงทุนคาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. ในภาวะเช่นนี้ เราประเมินว่าราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ อาจปรับตัวผันผวนขณะที่ปัจจัยความไม่แน่นอนมีมากขึ้น
เงินเยนฟื้นตัวจากพัฒนาการด้านเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมถึงการที่ตลาดสงสัยว่าทางการญี่ปุ่นปรับกลยุทธ์แทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยน โดยเราคาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมสิ้นเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยหนุนค่าเงินเยนอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ดี หากบีโอเจสร้างความผิดหวังปลายเดือนนี้ เงินเยนจะอ่อนค่าลงและอาจนำมาซึ่งการเข้ามาพยุงค่าเงินในตลาดรอบใหม่