
โบรกฯส่องหุ้นแบงก์จ่ายเงินปันผล หลังประกาศงบฯไตรมาส 2/2567 แล้ว “บล.กสิกรไทย” คาดงวดกลางปี SCB จ่ายสูงสุด 2.5 บาทต่อหุ้น ขณะที่ “TISCO-BBL” จ่าย 2 บาทต่อหุ้น มองครึ่งปีหลังหุ้น KTB เด่น ฟาก “บล.พาย” ประเมินปี’67 SCB จ่ายปันผลเด่นสุด ตามด้วย TISCO-ttb มองครึ่งปีหลังกลุ่มแบงก์กำไรสู้ครึ่งปีแรกไม่ได้
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า งวดไตรมาส 2/2567 หุ้นกลุ่มแบงก์ 7 แห่ง (BAY, BBL, KKP, KTB, SCB, TISCO, ttb) มีกำไรสุทธิที่ 4.9 หมื่นล้านบาท สูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ 3% โดยตัวเลขที่ดีกว่าคาดส่วนใหญ่มาจากการ Mark to Market หรือ กำไรของเงินลงทุน ไม่ได้มาจากธุรกรรมการปล่อยสินเชื่อ เก็บหนี้ได้ หรือตั้งสำรองหนี้ลดลง โดยสินเชื่อติดลบเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QOQ) และติดลบทุกแบงก์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

นอกจากนี้ การตั้งสำรองสูงกว่าที่คาด 18 Basis-Point หลัก ๆ มาจากการตั้งสำรองพิเศษที่แต่ละธนาคารตั้งขึ้น เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของอนาคตในครึ่งปีหลัง ดังนั้นจึงมองว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ภาพยังไม่ได้ดีมากนัก โดยคาดการณ์การจ่ายเงินปันผลกลางปี ได้แก่ BAY 0.4 บาท/หุ้น, BBL 2 บาท/หุ้น, KKP 1 บาท/หุ้น, SCB 2.5 บาท/หุ้น, TISCO 2 บาท/หุ้น, ttb 0.055 บาท/หุ้น ส่วน KTB ไม่มี เนื่องจากจ่ายปันผลแค่ปีละ 1 ครั้ง
“ครึ่งปีหลัง กลุ่มธนาคารยังเป็นลบ แต่ตัวที่เด่นคือ KTB เนื่องจากภาพการตั้งสำรองจะค่อย ๆ ขึ้นแบบบริหารจัดการได้ เพราะพอร์ตส่วนใหญ่ 25% เป็นภาครัฐ ส่วนฐานลูกค้ารายย่อยที่อยู่ประมาณ 40% ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับข้าราชการที่มีเงินเดือนประจำ จึงมองว่าจะได้ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่สม่ำเสมอน้อยกว่าธนาคารอื่น ที่อาจจะมีอาชีพอิสระ ค้าขาย พนักงานเอกชน เป็นต้น คุณภาพสินทรัพย์น่าจะต้านทานแรงโน้มถ่วงจากภาวะเศรษฐกิจได้ดีกว่า และ ทั้งปีจะเห็นกำไรเติบโต YOY ได้ นอกจากนี้ ปัจจุบัน Valuation ลงมาต่ำมาก P/E เหลือ 6 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในเซ็กเตอร์ แต่ ROE ที่ทำได้สูงถึง 9.5% ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารอื่น ๆ”
“นายธนเดช รังษีธนานนท์” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.พาย กล่าวว่า หุ้นกลุ่มแบงก์ที่จะมีอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) โดดเด่นในปี 2567 คือ SCB คาด 9.3% รองลงมาเป็น TISCO 7.7%, ttb 7.2%, BBL 5.8%, KBANK 5.9%, KKP 5% และ KTB 5.5% โดยครึ่งปีหลังยังคงต้องติดตามปัจจัยทางเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจดี สิ่งที่จะตามมาคือ สินเชื่อจะโตดีขึ้น จาก 6 เดือนแรกที่สินเชื่อในระบบไม่โต ธนาคารก็ไม่กล้าปล่อยสินเชื่อเพราะกลัวหนี้เสีย

“ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัว สินเชื่อโตได้ประมาณ 2% รวมถึงติดตาม บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ที่จะบริหารจัดการความสามารถในการชำระหุ้นกู้ หรือสินเชื่อแบงก์อย่างไร ซึ่งยังมีความน่ากังวลอยู่ รวมถึงมาตรการของรัฐที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างดิจิทัลวอลเลต ที่จะมาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อที่ดีขึ้น ยังเป็นประเด็นที่สำคัญในภาวะที่สภาพคล่อง การใช้จ่ายที่ยังไม่ค่อยดีมากนัก ทั้งนี้ การลงทุนหุ้นแบงก์ครึ่งปีหลัง โดยรวมให้น้ำหนักเท่ากับตลาด ซึ่งเรามองว่าการเติบโตกลุ่มแบงก์ปีนี้แย่ลง และผลการดำเนินงานกลุ่มแบงก์ครึ่งปีหลังจะสู้ครึ่งปีแรกไม่ได้ จึงแนะนำเลือกตัวที่มีอัตราการเติบโตทางกำไรที่ดี และคุณภาพหนี้ควบคุมได้ มีปันผลที่ดี ราคาหุ้นไม่แพงมาก เราเลือก KBANK, KTB”