
YLG ชี้ทองคำยังทรงตัวโซน 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ แนะเก็งกำไรจากการแกว่งตัวในระยะสั้น มองภาพใหญ่ยังแกร่ง ลุ้นครึ่งปีหลังปรับบวกได้ต่อ หลังเฟดใกล้เริ่มดอกเบี้ยขาลง-แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยคอยเสริม ภาพรวมในปีนี้ยังสามารถไปถึงเป้าหมาย 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ
วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า หลังราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จนขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติกาลอีกครั้งที่ 2,483 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และเกิดแรงขายทำกำไรสลับเข้ามาบ้าง ทำให้ราคามีการพักฐานลงมาในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม ราคายังพยายามสร้างฐานที่โซน 2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ดังนั้นเมื่อการสร้างฐานเสร็จสิ้น ราคามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อ ตามแนวโน้มทองคำในระยะยาวที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยวายแอลจียังคงเป้าหมายราคาทองคำในปีนี้ ว่ายังสามารถขึ้นทดสอบได้ถึงระดับ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
โดยปัจจัยสนับสนุนให้ทองคำยังเป็นขาขึ้นในปีนี้ยังคงมีอยู่อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะปัจจัยการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจาก CME FedWatch Tool บ่งชี้คาดการณ์ตลาดว่า เฟดจะเริ่มต้นวงจรดอกเบี้ยขาลง ในการประชุมเดือน ก.ย. และมีโอกาสปรับลดได้อีกก่อนจะสิ้นสุดปี 2567 ซึ่งจะขึ้นอยู่กับข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ ที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านระบุว่าเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินนโยบายในอนาคต อย่างไรก็ดี นอกจากเรื่องอัตราดอกเบี้ยเฟดแล้ว
ยังมีปัจจัยสนับสนุนอีก 3 ปัจจัย
ปัจจัยความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงผู้นำของสหรัฐ ซึ่งอาจมีผลต่อนโยบายเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยล่าสุด นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี มีโอกาสขึ้นมาเป็นแคนดิเดตจากพรรคเดโมแครต ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ แทนที่ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน และทำให้คะแนนนิยม ขึ้นมาใกล้เคียงกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ แคนดิเดตจากพรรครีพับลิกัน ส่งผลให้การเลือกตั้งยังมีความไม่แน่นอนที่สูงมาก
ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันยังคงยืดเยื้อในหลายภูมิภาค และการเลือกตั้งสหรัฐที่ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งมีโอกาสที่จะนำไปสู่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน รวมไปถึง ยุโรป ในประเด็นการขึ้นภาษีด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องคอยจับตาอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปัจจัยให้มีแรงซื้อพยุงเมื่อราคาทองคำมีการพักตัวลง
รวมถึงในระยะยาว ธนาคารกลางทั่วโลกยังทยอยสำรองทองคำเพิ่มขึ้น ท่ามกลางกระแส De-Dollarization หรือการลดบทบาทสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แม้ว่าดีมานด์จากจีนในระยะสั้นจะเริ่มชะลอไปบ้าง จากภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตได้ต่ำกว่าคาดการณ์ ในขณะที่ล่าสุด สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ได้รายงานว่า อินเดียเตรียมปรับลดอัตราภาษีนำเข้าทองคำจาก 15% เหลือ 6% ซึ่งเป็นการกระตุ้นดีมานด์เพิ่มเติม
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในช่วงนี้ วายแอลจีแนะนำว่า ควรเน้นการเก็งกำไรจากการแกว่งตัวในระยะสั้น เนื่องจากมีหลายปัจจัย โดยเฉพาะการเลือกตั้งสหรัฐ ที่สร้างความผันผวนให้กับราคาสินทรัพย์การลงทุนทั่วโลก โดยแนะนำรอการเข้าซื้อ เมื่อเสร็จสิ้นช่วงการพักฐานของราคาในระยะสั้น โดยรอการย่อตัวลงทดสอบแนวรับ 2,383-2,368 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และเมื่อราคามีการแกว่งตัวขึ้น ให้รอขายทำกำไรที่โซนแนวต้าน 2,422-2,440 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ส่วนทองคำแท่ง 96.5% ของไทย มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 40,850-40,600 บาทต่อบาททองคำ และกรอบแนวต้านที่โซน 41,500-41,800 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณด้วยค่าเงินบาท 36.12 บาทต่อดอลลาร์ ณ วันที่ 24 ก.ค. เวลา 15.00 น.)
อย่างไรก็ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อเพื่อสะสมในระยะยาวนั้นวายแอลจีแนะนำการลงทุนที่น่าสนใจอีกวิธีหนึ่ง คือการลงทุนสะสมแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) ซึ่งเป็นวิธีที่จะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการออม และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถตั้งเวลาซื้อล่วงหน้าได้อีกด้วย สำหรับนักลงทุนมือใหม่วายแอลจีแนะนำแอปพลิเคชั่น Get Gold by YLG ที่เปิดโอกาสให้เริ่มสะสมด้วยเงินลงทุนเพียง 100 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
และตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมงเข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ทโฟน และมีความน่าเชื่อถือ ด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง ผู้สมัครสามารถยืนยันตัวตนพร้อมยื่นเอกสารผ่านแอปพลิเคชั่น รู้ผลอนุมัติได้ภายในวันเดียว และสามารถทำการซื้อ-ขาย ทองคำได้ทันที เปิดให้ลงทุนเริ่มต้นที่ 100 บาท จนถึง 80 กิโลกรัมต่อ 1 วัน