AIMC เผยมุมมอง “ผู้จัดการกองทุน” ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว แนะกระจายพอร์ตหลายสินทรัพย์

money

สมาคมบริษัทจัดการลงทุนเผยผลสำรวจมุมมองผู้ลงทุนสถาบันไทยในระยะ 1 ปีข้างหน้า มองเชิงบวก ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ กังวลเสถียรภาพทางการเมืองหนี้ครัวเรือนยังกดดันเศรษฐกิจ แนะกระจายพอร์ตลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ เน้นลงหุ้นกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่าง สหรัฐ อินเดีย ยุโรป

วันที่ 25 กรกฎาคม 2567 นางชวินดา หาญรัตนกูล ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ได้เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของสมาชิกบริษัทจัดการลงทุนในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ต่อมุมมองการลงทุนในช่วง 1 ปีข้างหน้า สรุปได้ว่า

ทีมผู้จัดการกองทุนไทยเกือบทั้งหมดมีมุมมองเชิงบวกต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไป โดยการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP Growth) มูลค่าหลักทรัพย์ โดยเปรียบเทียบผลการดำเนินงานและกำไรของบริษัทจดทะเบียน ทิศทางของอัตราดอกเบี้ย และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ จะเป็นปัจจัยบวกที่มีอิทธิพลต่อการลงทุนในประเทศตามลำดับ

ขณะที่เสถียรภาพทางการเมือง ปัญหาหนี้ครัวเรือนจะเป็นปัจจัยลบที่สำคัญที่อาจฉุดรั้งเศรษฐกิจและลดทอนแรงจูงใจในการลงทุน

นอกจากนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่เริ่มมีแนวโน้มเข้าสู่ศักยภาพและการรักษาเสถียรภาพของราคา ทีมผู้จัดการกองทุนเกือบทั้งหมดจึงคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยในปี 2567 จะรักษาระดับอยู่อัตราเดิม (อัตราดอกเบี้ยนโยบายเปลี่ยนแปลงล่าสุด ณ 12 มิ.ย. 2567 อยู่ที่ร้อยละ 2.5) โดยมีส่วนน้อยที่คาดว่า ธปท.อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.25 ซึ่งเป็นไปเพื่อดูแลเศรษฐกิจในภาพรวมให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ

ADVERTISMENT

ส่วนของการจัดน้ำหนักการลงทุนในประเทศนั้น ถึงแม้ตลาดทุนไทยจะมีความผันผวนอยู่บ้างในระยะสั้น แต่ในภาพรวมทีมผู้จัดการกองทุนมีมุมมองการลงทุนเป็นกลางค่อนไปในทางบวก (Neutral to Overweight) เน้นหลักการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลาย ทั้งประเภทตราสารหนี้ ตราสารทุน อสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานและทองคำ

โดยสำหรับการลงทุนในตราสารทุนเน้นลงทุนในหุ้นขนาดปานกลางถึงใหญ่ (Medium to Large Cap) เป็นหลัก กลุ่มอุตสาหกรรมในดวงใจคือกลุ่มการค้าพาณิชย์ กลุ่มบริการทางการแพทย์ กลุ่มท่องเที่ยวสันทนาการ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ตามลำดับ

ADVERTISMENT

นอกจากนั้นทีมผู้จัดการกองทุนยังให้ความสำคัญต่อการลงทุนในรูปแบบความยั่งยืน (ESG Investing) โดยสำหรับการลงทุนในประเทศจะเน้นลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ของบริษัทขนาดใหญ่ โดยเฉพาะที่ให้ความสำคัญต่อปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม

รวมถึงการลงทุนในหุ้นรูปแบบผสมผสาน (ESG Equity Blending) รวมทั้งคาดหวังที่จะออกกองทุนที่เน้นลงทุนเพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งในประเทศ โดยเฉพาะกองทุนรูปแบบกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) และในต่างประเทศรูปแบบ FIF-ESG เพื่อนำเสนอให้แก่ผู้ลงทุนไทยให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

สำหรับมุมมองต่อเศรษฐกิจโลกในระยะ 1 ปีข้างหน้านั้น ส่วนใหญ่เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะทรงตัวและอาจชะลอตัวลงได้บ้าง เช่นเดียวกับการสำรวจมุมมองครั้งก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะสงครามที่ยืดเยื้อปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองระดับประเทศ อัตราเงินเฟ้อและอัตราการเติบโตของ GDP ที่ชะลอลงในบางประเทศเศรษฐกิจหลัก

อย่างไรก็ตาม ทางผู้จัดการกองทุนยังเชื่อว่าทิศทางโดยรวมของอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ และคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศสหรัฐอเมริกาจะค่อย ๆทยอยลดระดับลงได้ในระยะถัดไป โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 5.0-5.25 ณ สิ้นปี 2567 และร้อยละ 4.0-4.25 ณ สิ้นปี 2568 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้เศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้นได้ในระยะปานกลาง

สำหรับการจัดน้ำหนักการลงทุนทั่วโลกยังคงเชื่อว่าผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ไม่เท่ากันในแต่ละภูมิภาค ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงบวก มีส่วนน้อยที่มีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Markets)

ในขณะที่มีมุมมองเป็นกลางค่อนไปในทางลบต่อกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) สำหรับประเภทสินทรัพย์เพื่อการลงทุนนั้น ในภาพรวมตราสารหนี้มีความน่าสนใจกว่าสินทรัพย์เสี่ยงอื่น โดยให้น้ำหนักไปที่ตราสารหนี้ระยะปานกลางถึงยาวของสหรัฐอเมริกา ยุโรปและจีน ส่วนการลงทุนในหุ้นทั่วโลกยังคงมีมุมมองเป็นกลางค่อนไปในทางบวก เน้นลงทุนเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ (Large Cap) ของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วมากกว่าประเทศตลาดเกิดใหม่

สำหรับประเทศที่น่าสนใจลงทุนในหุ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ยุโรป และอินเดีย โดยกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ กลุ่มบริการสื่อสาร กลุ่มอุปโภคบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มบริการทางการแพทย์เป็นกลุ่มที่มีความโดดเด่นกว่ากลุ่มอื่น ในส่วนของสินทรัพย์การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกยังคงให้น้ำหนักปานกลาง โดยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน และทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจ

อนึ่ง การสำรวจมุมมองผู้ลงทุนสถาบันไทยโดย AIMC นั้น มุ่งหวังให้ผลสำรวจนี้เป็นแนวทาง หลักคิดด้านการออมและลงทุน และช่วยให้ภาพรวมในการจัดแบ่งเงินลงทุน เพื่อที่ภาคธุรกิจ ผู้ลงทุน และประชาชนทั่วไปจะได้ประโยชน์ และสามารถสร้างความยั่งยืนผ่านเงินลงทุนของกิจการหรือของตนเองได้ต่อไป