ของบฯ 830 ล้านบาท ตั้งไข่ “หวยเกษียณ” ขาย 21 ล้านคน

หวยเกษียณ

“สลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ” หรือ “หวยเกษียณ” ผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว

กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่า จะต้องใช้งบประมาณในปีแรกประมาณ 830 ล้านบาท ในการดำเนินการ ประกอบด้วย 1.การจ่ายเงินรางวัล จำนวน 780 ล้านบาทต่อปี หรือในจำนวนที่มีความเหมาะสมกับปริมาณการออกสลาก และความต้องการของสมาชิกเป้าหมาย

2.การพัฒนาระบบเทคโนโลยี แอปพลิเคชั่น ระบบ Clearing และระบบงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 20 ล้านบาท

และ 3.โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบทะเบียนสมาชิก บุคลากร ระบบงานเพิ่มเติม เป็นต้น จำนวน 30 ล้านบาท

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า โครงการมีผลกระทบต่อเงินงบประมาณน้อยมาก โดยจะใช้งบประมาณสัปดาห์ละ 15 ล้านบาท หรือเดือนละ 60 ล้านบาท หรือคิดต่อปี ก็ประมาณ 780 ล้านบาท

“หากเทียบกับเบี้ยคนชราต่าง ๆ ที่ตอนนี้ใช้เงินประมาณ 90,000 ล้านบาทต่อปีแล้ว หากลองเปรียบเทียบดู ระหว่างเงินจํานวนพันล้านกับแสนล้านบาท ที่ทําหน้าที่คล้าย ๆ กัน อันไหนคุ้มค่าและเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากกว่ากัน”

ADVERTISMENT

สำหรับรายละเอียด “หวยเกษียณ” ซึ่งเป็นลักษณะ “สลากขูด” มีหลักการในการดำเนินการ ประกอบด้วย 1.ผู้มีสิทธิซื้อสลาก ได้แก่ สมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ปัจจุบัน, ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกันสังคม, ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และแรงงานนอกระบบ ที่มีอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์

2.ออกสลากเริ่มต้นประมาณ 5 ล้านใบต่องวด ในราคาใบละ 50 บาท ทั้งนี้ สำหรับปริมาณการออกสลากจะขึ้นกับความต้องการของสมาชิก กอช. และการสนับสนุนเงินรางวัลจากรัฐบาล โดยจำกัดการซื้อไม่เกินคนละ 3,000 บาทต่อเดือน

ADVERTISMENT

3.เงินรางวัลกรณีถูกรางวัลจะได้รับเมื่อประกาศผลตามวันเวลาที่คณะกรรมการกำหนด เงินที่ซื้อสลากผู้ซื้อสลากจะได้รับเงินคืนเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ หรือเสียชีวิต

4.เงินรางวัล ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล งวดละ 15 ล้านบาท รวม 780 ล้านบาทต่อปี หรือในจำนวนที่มีความเหมาะสมกับปริมาณการออกสลาก และความต้องการของสมาชิกเป้าหมาย

5.เงินที่ซื้อสลากเก็บเป็นเงินสะสมของผู้ซื้อรายบุคคล โดยรัฐบาลไม่สมทบเงินให้กับผู้ซื้อสลาก และไม่รับประกันผลตอบแทนจากการซื้อสลาก

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะเป็นกลไกการออมเพื่อการชราภาพที่สร้างแรงจูงใจให้กลุ่มแรงงานนอกระบบ มีการสะสมเงินออมได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่องในระยะยาวเพื่อรองรับการเกษียณ ซึ่งคาดว่าจะเกิดประโยชน์จากการดำเนินโครงการดังกล่าว ได้แก่ กระตุ้นและเพิ่มแรงจูงใจให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายให้เข้าสู่ระบบการออมเพื่อการเกษียณ เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณ, ขยายโอกาสให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แห่ง พ.ร.บ.ประกันสังคม มีทางเลือกในการออมภาคสมัครใจเพิ่มมากขึ้น,

เพิ่มทางเลือกในการออมเงินเพื่อการเกษียณให้มีเงินไว้ใช้จ่ายเมื่อพ้นวัยทำงาน และช่วยลดภาวะพึ่งพิงของผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบางที่อาจจะกลายเป็นคนยากจนในวัยเกษียณอายุ, สร้างเงินออมเพื่อการเกษียณจากกลุ่มแรงงานนอกระบบที่เป็นภาคสมัครใจให้มีแรงจูงใจในการสะสมเงินออมและเกิดการออมเงินเพื่อการเกษียณอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความมั่นคงทางการคลังในการดูแลผู้สูงอายุได้อย่างเหมาะสม

โดยภาครัฐสามารถลดภาระทางการคลังในระยะยาวในการจัดสรรงบประมาณด้านผู้สูงอายุเมื่อเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged Society)

โดย “หวยเกษียณ” จะมีเงินรางวัลด้วยกัน 2 รางวัล ได้แก่

รางวัลที่ 1 วงเงิน 1 ล้านบาท จำนวน 5 รางวัล

และรางวัลที่ 2 วงเงิน 1,000 บาท จำนวน 10,000 รางวัล

“หวยเกษียณ” เป็นหวยที่เงินไม่หาย หวยที่ไม่มีวันถูกกิน

ซื้อมาก ได้ลุ้นมาก ได้ออมมาก มีเงินเก็บมากในยามเกษียณ เป็นหวย 3 เด้ง ได้ลุ้นล้าน ได้ออมเงินทุกบาททุกสตางค์ ได้ผลตอบแทนการลงทุน”

ทั้งนี้ จะมีการแก้ไข พ.ร.บ.กอช. เพื่อดำเนินการต่อไป

ขณะที่กระทรวงมหาดไทย เห็นชอบการดำเนินการ “หวยเกษียณ” เนื่องจากเห็นว่าเป็นการพัฒนากลไกการออม เพื่อการชราภาพสำหรับแรงงานนอกระบบ รวมทั้งสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มแรงงานนอกระบบได้มีการสะสมเงินออมอย่างต่อเนื่องในระยะยาว รองรับการเกษียณและรองรับการเข้าสู่สังคมสูงอายุ ระดับสุดยอด โดยเฉพาะการดูแลประชาชนกลุ่มแรงงานนอกระบบไม่ให้อยู่ในภาวะยากจนในวัยชรา และบรรเทาภาระงบประมาณในการดูแลด้านหลักประกันรายได้ของผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หวยเกษียณ วางเป้าหมายขายให้กับแรงงานนอกระบบ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 21 ล้านคน