คลังลุยดึงแรงงานหัวกะทิกลับไทย ลดภาษีเงินได้เหลือ 17% หักรายจ่าย 1.5 เท่า

เผ่าภูมิ โรจนสกุล
เผ่าภูมิ โรจนสกุล

กระทรวงการคลัง ออกมาตรการภาษีจูงใจแรงงานหัวกะทิกลับไทย ลดภาษีเงินได้เหลือ 17% นายจ้างหักค่าใช้จ่ายได้ 1.5 เท่า

วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โจทย์อีกข้อหนึ่งคือการดูดแรงงานศักยภาพสูงทั่วโลกเข้าไทย รวมทั้งคนไทยศักยภาพสูง (หัวกะทิไทย) ที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ คนกลุ่มนี้เก่งแต่ปัจจุบันทำงานต่างประเทศ ไม่ได้ช่วยสร้างเศรษฐกิจไทย ถ้าดึงกลับมาจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย และยังสร้างรายได้ภาษีที่แต่ก่อนไทยไม่เคยได้รับอีกด้วย

วันนี้ ครม. อนุมัติมาตรการภาษีในการสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาทำงานในประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการด้านภาษีดูดหัวกะทิไทยที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ และเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย ให้กลับบ้าน มาทำงานในไทย ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทั้งผู้ถูกจ้างเองและนายจ้าง ดังนี้

สิทธิประโยชน์

1.ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ลูกจ้าง)

สำหรับลูกจ้างตามคุณสมบัติที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการหักภาษี ณ ที่จ่ายสูงกว่า 17% ให้ลดเหลือ 17% ของเงินได้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับเนื่องจากการจ้างแรงงานของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมายตามกฎหมายกำหนด โดยต้องเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับถึง 31 ธันวาคม 72

2.ภาษีเงินได้นิติบุคคล (นายจ้าง)

ADVERTISMENT

บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรมเป้าหมายตามกฎหมายกำหนด สามารถหักรายจ่ายที่จ่ายเงินเดือนตามสัญญาจ้างแรงงานของลูกจ้างตามคุณสมบัติ ระหว่างวันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 72 ได้จำนวน 1.5 เท่า

คุณสมบัติ

1.สัญชาติไทย มีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี

ADVERTISMENT

2.ทำงานในต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 2 ปี

3.กลับเข้าไทยตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับถึง วันที่ 31 ธันวาคม 68

4.เป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามกฎหมายกำหนด และได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร

5.ไม่เคยทำงานในไทยในปีภาษีที่มีการเริ่มใช้สิทธิลดหย่อนอัตราภาษีเงินได้

6.ต้องไม่ได้เข้ามาอยู่ไทยก่อนปีภาษีที่ใช้สิทธิอย่างน้อย 2 ปี หรือถ้าอยู่ต้องอยู่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะเวลารวมทั้งหมดไม่ถึง 180 วันในปีภาษีนั้น ๆ

7.ในปีภาษีที่ใช้สิทธินั้น ต้องอยู่ไทยรวมเวลาทั้งหมดไม่น้อยกว่า 180 วัน เว้นแต่ปีภาษีแรกและปีภาษีสุดท้าย ที่ใช้สิทธิจะอยู่ในไทยน้อยกว่า 180 วันก็ได้

สำหรับกิจการ ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ประกอบไปด้วย

1.อุตสาหกรรมยานยนต์                                                                    2.อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
3.อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวระดับคุณภาพ
4.อุตสาหกรรมการเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพ
5.อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์
6.อุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์
7.อุตสาหกรรมการบิน อากาศยาน และอวกาศ
8.อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ
9.อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์

10.อุตสาหกรรมดิจิทัล
11.อุตสาหกรรมการแพทย์
12.อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ
13.อุตสาหกรรมที่สนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Gircular Economy) โดยตรงและ มีนัยสำคัญ เช่น การผลิตเชื้อเพลิงจากขยะ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เป็นต้น
14.ศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (Interational Business Center-IBC)
15.อุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยชาวต่างชาติซึ่งขอรับการรับรองคุณสมบัติฯ ต้องทำงานโดยใช้ทักษะเชี่ยวชาญพิเศษในด้านใดด้านหนึ่ง ดังต่อไปนี้

  • การวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมเป้าหมายหรือเทคโนโลยีเป้าหมาย เช่น Biotechnology, Nanotechnology, Advanced Material Technology, Digital Technology
  • การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับอาชีวศึกษาหรืออุดมศึกษา
  • การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ในการประกอบธุรกิจ
  • การวางแผนและพัฒนาระบบติจิทัลเพื่อยกระดับการผลิตและการบริการของธุรกิจ
  • การให้บริการหรือให้คำปรึกษาด้านการเงินหรือการตลาด
  • การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
  • การบริหารจัดการหรือให้คำปรึกษาในโครงการบ่มเพาะ (Incubation Program) โครงการเร่งการเติบโต (Acceleration Program) และการสนับสนุนนวัตกรรม และ Startup Ecosystem
  • การบริการด้านการระงับข้อพิพาททางเลือก
  • การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนโดยหอการค้าต่างประเทศ และองค์กรส่งเสริมการค้าและการลงทุนจาก ต่างประเทศ