ตลท. ดึง FTSE Russell ช่วยประเมิน ESG บจ. คาดเริ่มใช้ปี’69 ตั้งเป้า 400 บริษัทเข้าร่วม

ภากร ปีตธวัชชัย
ภากร ปีตธวัชชัย

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดึง FTSE Russell ยกกระดับการประเมินความยั่งยืน SET ESG Ratings สู่มาตรฐานสากล ฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน เน้นการประเมินจากข้อมูลที่ บจ. เปิดเผยสู่สาธารณะ คาดเริ่มใช้ปี 2569 ตั้งเป้าได้ 350-400 บริษัทเข้าร่วม

วันที่ 30 กรกฏาคม 2567 นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange Group) โดย FTSE Russell ผู้ประเมิน ESG ระดับโลก เพื่อพัฒนาศักยภาพตลาดทุนไทย ยกระดับการประเมินความยั่งยืน SET ESG Ratings สู่มาตรฐานสากล เน้นการประเมินจากข้อมูลที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) เปิดเผยสู่สาธารณะ (public disclosures) ซึ่งเป็น Methodology ที่ใช้ประเมินกว่า 8,000 หลักทรัพย์ทั่วโลก

ตลาดหลักทรัพย์ฯได้ศึกษาแนวทางการประเมิน ESG สำหรับบริษัทจดทะเบียนไทยมาตั้งแต่ปี 2565 และได้ข้อสรุปร่วมกับ FTSE Russell (บริษัทย่อยในกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน หรือ LSEG) ซึ่งได้รับการยอมรับจากผู้ลงทุนสถาบันและ Asset managers ชั้นนำทั่วโลกโดยมีมูลค่าทรัพย์สินกองทุน (AUM) สูงถึง 15.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐที่อ้างอิงดัชนีของ FTSE อยู่ในปัจจุบัน

โดยตลาดหลักทรัพย์ฯได้วางแผนและกำหนด Roadmap ของการยกระดับการประเมินร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน โดยกำหนดให้มีโครงการประเมินนำร่องในปี 2567-2568 เพื่อให้ทุกฝ่ายเตรียมความพร้อม ก่อนที่จะดำเนินการประเมินและประกาศผลสู่สาธารณะตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป

โดยในช่วงดำเนินโครงการนำร่อง ตลาดหลักทรัพย์ฯจะไม่ประกาศผลประเมิน FTSE Russell ESG Scores สู่สาธารณะ แต่บริษัทจดทะเบียนที่ได้รับการประเมินจะได้รับทราบผลคะแนนผ่าน Online portal ของ FTSE Russell

“ความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ และ FTSE Russell เป็นก้าวสำคัญของตลาดทุนไทยที่จะช่วยส่งเสริมให้ บจ. ไทยพัฒนาการดำเนินงานด้านความยั่งยืนสู่ระดับสากล และสนับสนุนให้ผู้ลงทุนพิจารณา ESG ประกอบการตัดสินใจลงทุน”

ADVERTISMENT

ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร และหัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า เกณฑ์การคัดเลือกนั้น สำหรับในปี 2567 การประเมินโดย FTSE Russell จะครอบคลุมบริษัทใน SET ESG Ratings ในปีที่ผ่านมาคือ 192 บริษัท ส่วนปีถัด ๆ ไป จะประเมินบริษัทที่เคยอยู่ในหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings มาก่อน (ปีใดปีหนึ่ง)

โดยทุกบริษัทที่อยู่ใน SET100 Index ที่มีอยู่ 35 บริษัท ไม่ว่าจะอยู่ในหุ้นยังยืน SET ESG Ratings หรือไม่ จะได้รับการประเมินด้วย (พิจารณาจากการคำนวณดัชนี 3 รอบล่าสุด)

ADVERTISMENT

และโควตาสำหรับบริษัทที่ต้องการเข้าร่วมโดยสมัครใจ บริษัทที่ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์การคัดเลือกข้างต้น แต่สนใจจะเข้าร่วมการประเมินโดย FTSE Russell สามารถสมัครเข้าร่วมได้ โดยจะเริ่มให้สมัครสำหรับการประเมินตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป

“ในปีนี้ เราจะนำ 192 บริษัท ที่อยู่ใน SET ESG Ratings บวกกับ 35 บริษัท ที่อยู่ใน SET100 Index มาประเมิน ส่วนปีหน้า 68 เราจะให้บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กที่เขาสมัครใจเข้ามาร่วมประเมิน โดยตั้งเป้าว่าจะได้ประมาณ 300-400 บริษัท คิดเป็นครึ่งหนึ่งของตลาดในปัจจุบัน หรือ 90% ของมาร์เก็ตแคปรวมในตลาด”

ด้านผลคะแนนจากการประเมิน หรือ FTSE Russell ESG Scores จะอยู่ในรูปแบบของคะแนน (ตัวเลข) ตั้งแต่ 0.0-5.0 โดยคะแนน 0.0 หมายถึงไม่มีข้อมูลให้ประเมิน และคะแนน 5.0 หมายถึงเป็น Best practices

การประเมินโดย FTSE Russell จะเริ่มโครงการประเมินนำร่องในปี 2567-2568 เพื่อให้ทุกฝ่ายมีเวลาปรับตัวและเตรียมความพร้อม ก่อนที่จะดำเนินการประเมินและประกาศผลคะแนนสู่สาธารณะตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป

สำหรับกรณีที่บริษัทจดทะเบียนมีข่าวด้านลบเกี่ยวกับประเด็น ESG นั้น ในระบบปัจจุบันทางตลาดหลักทรัพย์ได้มีแนวทาง ทั้งรวบรวมข่าวที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ, ข้อมูลตีความในหมายเหตุประกอบงบของ บจ., ข่าวจาก ก.ล.ต., พิจารณาความร้ายแรงผลกระทบของเหตุการณ์ และความคืบหน้าของกรณี ว่ามีการตัดสินความผิดแล้ว หรืออยู่ระหว่างพิจารณา

“ลองนึกภาพว่ายังไม่จบกระบวนการแล้วคัดออก อาจจะไม่ยุติธรรม เราไม่ได้รอให้ทุกอย่างครบถ้วนถึงขั้นชั้นศาลถึงจะมาตัดสิน เราก็ให้หน่วยงานที่ดูเรื่องนั้น ๆ กล่าวโทษก่อน และมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ เราก็ถึงจะสามารถทำได้“

สำหรับการประเมินโดย FTSE Russell ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับ Stakeholders เพื่อออกแบบแนวทางการพิจารณาและสื่อสารประเด็น Controversy ให้เหมาะสมต่อไป อย่างไรก็ตาม การที่มีข้อมูลคู่เทียบที่มากขึ้น จากเดิมที่มี 100-200 บริษัท อาจมีจำนวนน้อย แต่หากเทียบข้อมูลในการประเมิน โดย FTSE Russell ที่มีมากถึง 8,000 บริษัท อาจจะทำให้สามารถตรวจสอบได้ดีมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามข้อมูลต้องมีการปรับปรุงอยู่สม่ำเสมอ เหมือนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยากที่จะปรับปรุงและยกระดับให้สู่ระดับสากลมากยิ่งขึ้น