SET เดือน ส.ค.ยังผันผวน เน้น Selective

SET
คอลัมน์ : เติมความคิดพิชิตการลงทุน
ผู้เขียน : เอกภาวิน สุนทราภิชาติ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์

สวัสดีครับท่านนักลงทุน SET ในเดือน ก.ค. แกว่งตัวผันผวนระหว่าง 1,300 จุด โดยดัชนีปรับขึ้นในช่วงครึ่งเดือนแรก หนุนจากมาตรการ Uptick Rule ที่มีผลต่อเนื่อง รวมทั้งความชัดเจนของมาตรการ Digital Wallet แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงครึ่งเดือนหลัง SET พลิกกลับมาปรับลงต่อเนื่องจนหลุดต่ำกว่า 1,300 จุด แรงกดดันมาจากปัจจัยการเมืองในประเทศที่ยังยืดเยื้อ รวมทั้งแรงขาย sell on fact ภายหลังประกาศงบฯ 2Q67 ของหุ้นกลุ่มธนาคาร

อย่างไรก็ดี ด้วยแรงผลักดันจากหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ช่วยดึงดัชนีขึ้นมายืนเหนือ 1,300 จุด ได้สำเร็จใน 3 วันสุดท้ายของเดือน ด้านนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ 1.8 พันล้านบาท จากเดือนก่อนหน้าที่ขายสุทธิ 3.5 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมกระแส Fund Flow เดือนนี้ไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ราว 9.5 พันล้านเหรียญ โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไต้หวัน เวียดนาม และไทย ราว 10.9, 0.3 และ 0.06 พันล้านเหรียญ แต่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ราว 1.2, 0.3, 0.3 และ 0.06 พันล้านเหรียญ ตามลำดับ

ด้านแนวโน้ม SET ในเดือน ส.ค. ยังคาดเคลื่อนไหวผันผวน และยังมีความเสี่ยงในการหลุดระดับ 1,300 จุดได้อยู่ ขณะที่กรอบบนยังถูกจำกัด โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,335 จุด และ 1,345 จุด ตามลำดับ โดยมองดัชนียังขาดปัจจัยหนุนใหม่ ๆ ภายใต้การเติบโตของเศรษฐกิจในระดับต่ำ

ขณะที่ในเดือนนี้ ติดตามประเด็นสำคัญทางการเมือง หลังศาลจะมีคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 7 ส.ค. และคำวินิจฉัยคดีคุณสมบัตินายกฯ ในวันที่ 14 ส.ค. ด้านกรอบล่างอยู่ที่บริเวณแนวรับ 1,290 จุด หากต่ำกว่า จะกลับมาเป็นสัญญาณลบ และมีแนวรับถัดไปบริเวณ 1,280 จุด และ 1,270 จุด ตามลำดับ

ทั้งนี้ ภายใต้ความไม่แน่นอนต่าง ๆ และตลาดยังมีความผันผวน ผมยังคงเน้นกลยุทธ์ Selective Buy เลือกหุ้นที่มีปัจจัยเด่นเฉพาะตัว เพื่อสร้างผลตอบแทนให้เหนือตลาด โดยแนะนำหุ้น 3 ธีม ดังนี้ครับ 1) หุ้นกลุ่ม Earning Play ซึ่งคาด 2Q67 กำไรจะยังสามารถเติบโตทั้ง YOY และ QOQ อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง เลือก MINT, BEM, OSP, TU, CPF, TRUE, AMATA 2) หุ้นคาดได้อานิสงส์ Cover Short หลังตลาดหลักทรัพย์ฯเริ่มใช้มาตรการ Uptick ตั้งแต่ 1 ก.ค. 67 และเป็นหุ้นพื้นฐานดี มี ESG Rating ระดับ A-AAA หรืออยู่ใน Global Sustainability Index เลือก DELTA, TOP, BEM, MINT, AOT

Advertisment

และ 3) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากแผนปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ใหม่ โดยขยายวงเงินเป็น 3 แสนบาท และลดระยะเวลาถือครองเหลือ 5 ปี เลือก ADVANC, AOT, CPALL, BDMS, BBL, KTB, GULF

ทั้งนี้ ผมเลือกหุ้นในธีมต่าง ๆ มาจัดพอร์ตหุ้น 5 ตัว ไว้เป็นแนวทาง สำหรับท่านนักลงทุน ดังนี้ครับ 1) CPALL คาด Q2/67 กำไรสุทธิ 5.8 พันล้านบาท เติบโต 31% YOY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ หนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น

Advertisment

รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก CPAXT ส่วนแนวโน้มกำไร 2H67 คาดจะเติบโต YOY โดดเด่นมากกว่าบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่มเช่นกัน 2) GULF มีหลายปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ราคาหุ้น GULF ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ โครงสร้างการถือหุ้นใหม่สำหรับ GULF จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการ, กำไรมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ และ Valuation น่าสนใจ

3) BEM มอง 2Q67 คาดกำไรจะเติบโต 16.3% QOQ และ 9.4% YOY สู่ 985 ล้านบาท ส่วน 3Q67 คาดกำไรจะเติบโต QOQ และ YOY ต่อเนื่อง อีกทั้งมองมี Upside Risk เพิ่มเติมจากโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 (Double Deck) และรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้

4) TRUE มอง Q2/67 คาดกำไรปกติ 835 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% QOQ และฟื้นตัวจากขาดทุน 2.3 พันล้านบาท ใน 2Q66 และคาดว่ากำไรจะเติบโตต่อเนื่องใน 3Q-4Q67 และมีแนวโน้มที่จะสร้าง Upside ต่อเป้าหมายทางการเงินของ TRUE และประมาณการปี 2567 ของเรา

และ 5) DELTA กำไรสุทธิ 2Q267 กลับมาทําสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้น 52% QOQ หลัก ๆ มาจากการกลับรายการ Inventory Provision รายได้ปรับสูงขึ้น 10% QOQ จากอุปสงค์สินค้าใน Power Electronic ซึ่งมี AI-related Products อยู่ในส่วนงานนี้ด้วย

…แล้วพบกันใหม่ ในคอลัมน์ฉบับหน้า ด้วยรัก และหวังดี