BITE SIZE : เทียบเงื่อนไขใหม่ กองทุน Thai ESG ดีกว่าเดิมอย่างไร ?

Prachachat BITE SIZE
โดย พฤฒินันท์ สุดประเสริฐ

ย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดทุนไทยเจอสารพัดมรสุม ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ และเรื่องความเชื่อมั่นนักลงทุน ทำให้ภาครัฐต้องหาวิธีการ หามาตรการต่าง ๆ เพื่อพลิกฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน

ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้ปรับเงื่อนไขการลดหย่อนภาษีกองทุนรวม Thai ESG ใหม่ เพิ่มเพดานลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น แถมปรับเวลาการถือกองทุนให้สั้นลง เพื่อดึงดูดคนไทยหันมาออมเงินมากขึ้น และดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนเข้ามาในตลาดทุนไทยให้มากขึ้น

กองทุน Thai ESG เงื่อนไขใหม่ จะแตกต่างจากแบบเดิมยังไง ลดหย่อนมากขึ้นแค่ไหน ต้องถือกี่ปี แล้วมีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างจากเงื่อนไขเดิมแค่ไหน

Prachachat BITE SIZE ชวนดูรายละเอียดพร้อมกัน

เทียบความต่าง Thai ESG แบบเดิม-แบบใหม่

กองทุน Thai ESG ปรับเงื่อนไขใหม่ 3 เรื่อง

สิทธิลดหย่อนภาษี

Advertisment

กองทุน Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่เพิ่มสิทธิลดหย่อนภาษี จากเดิมสูงสุด 100,000 บาท เป็นสูงสุด 300,000 บาท และยังได้สิทธิลดหย่อนแยกจากการออมแบบอื่น ๆ ทั้ง SSF, RMF, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ประกันชีวิต และกองทุนการออม ทั้ง กอช. และ กบข.

ระยะเวลาการถือ

Advertisment

กองทุน Thai ESG ลดระยะเวลาการถือ จากเดิมต้องถือ 8 ปีเต็ม (วันชนวัน) เป็นถือเพียง 5 ปีเต็ม (วันชนวัน)

หลักเกณฑ์กองทุน Thai ESG

สำนักงาน ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อรองรับมาตรการส่งเสริมการออมการลงทุนของภาครัฐ ใน 3 เรื่องที่สำคัญ

1. ขยายการประเมินเรตติ้งในการลงทุนของกองทุน Thai ESG ให้ไปรวมถึงกรณี บลจ. ประสงค์จะใช้บริการผู้ประเมินรายอื่นที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น S&P Global, MSCI เป็นต้น ซึ่งคู่ขนานกับทางตลาดหลักทรัพย์ฯที่จะมีการเปลี่ยนผู้จัดทำ ESG Rating จากตลาดหลักทรัพย์ฯเป็น FTSE Russell อย่างเป็นทางการ

2. เพิ่มให้กองทุน Thai ESG สามารถลงทุนหุ้นที่มีธรรมาภิบาลในระดับดีเลิศ พิจารณาจากเรตติ้ง IOD ที่ต้องมีระดับ 90 คะแนนขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 320 บริษัทจดทะเบียน จัดอยู่ในดัชนี SET ESG Rating อยู่แล้ว 132 บริษัท

นอกจากนี้หากมีกระบวนการเปิดเผยแผนหรือเป้าหมายในการทำธุรกิจที่จะเพิ่มมูลค่าของกิจการออกมาที่ชัดเจน และเปิดเผยข้อมูลสื่อสารกับผู้ลงทุนผ่านกิจกรรม Opportunity Day ปีละ 2 ครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องของความยั่งยืนในเชิงการให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้น นอกเหนือจากการรายงานข้อมูล One-report ก็สามารถจะลงทุนได้

3. บลจ. ต้องใช้ความระมัดระวัง รับผิดชอบเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน (Fiduciary Duty) ในการนำปัจจัยด้าน ESG มาใช้พิจารณา ตั้งแต่การกำหนดนโยบายและกลยุทธ์การลงทุน การคัดเลือก และติดตามการลงทุนในกิจการที่มีคุณภาพ เพื่อการลงทุนอย่างยั่งยืนตามวัตถุประสงค์ของกองทุน Thai ESG

โดยเงื่อนไขใหม่ของกองทุน Thai ESG จะมีผลสำหรับการซื้อกองทุน Thai ESG ในปี 2567-2569 และจะมีการประเมินผลของมาตรการ หลังสิ้นสุดช่วง 3 ปี

ส่วนประกาศที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์กองทุน Thai ESG คาดว่าจะลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับภายในเดือนสิงหาคม 2567

สำนักงาน ก.ล.ต. ระบุเพิ่มเติมว่า กองทุน Thai ESG ต้องเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของกองทุนรวมตามหลักเกณฑ์กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลที่เพียงพอประกอบการตัดสินใจลงทุน และช่วยลดความเสี่ยงด้านการฟอกเขียว (Greenwashing) โดยกองทุนดังกล่าวจะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขอจัดตั้งและแก้ไขโครงการจาก ก.ล.ต. เช่นเดียวกับ SRI Fund ตลอดปี 2567

สูญเสียรายได้ แลกสร้างมู้ดลงทุนบวก

การปรับเงื่อนไขกองทุน Thai ESG ครั้งนี้ กระทรวงการคลัง คาดว่าจะมีการสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพิ่มอีกปีละประมาณ 13,000-14,000 ล้านบาท จากมาตรการเดิม คาดว่าจะทำให้สูญเสียรายได้ปีแรกประมาณ 3,000 ล้านบาท และปีถัด ๆ ไป ปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท

ส่วนประโยชน์ที่รัฐบาลคาดว่าได้รับ คือ

  1. เพิ่มการลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนกิจการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล
  2. ส่งผลให้การลงทุนระยะยาวในตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้น อันจะเป็นการเพิ่มเสถียรภาพของตลาดทุนไทย และสร้างบรรยากาศที่ดีในการลงทุน
  3. ทำให้ผู้มีเงินได้เพิ่มจำนวนเงินในการออมและการลงทุนระยะยาว อันจะทำให้ผลตอบแทนโดยรวมจากการออมและการลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย

สำนักงาน ก.ล.ต. คาดหวังเม็ดเงินลงทุนจะเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยประมาณ 6,000 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งปีนี้มีเวลาขายราว 5 เดือน (ส.ค.-ธ.ค. 2567) จึงคาดว่าจะเห็นเงินลงทุนไหลเข้าจนถึงสิ้นปีนี้เป็นอย่างน้อย 30,000 ล้านบาท และเชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยบวกเข้ามาช่วยฟื้นภาพตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังได้

โดย ณ สิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีกองทุน Thai ESG ทั้งหมด 23 กอง มีผู้ถือหุ้นกว่า 95,000 ราย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการ (AUM) เกือบ 7,000 ล้านบาท และมีผลเชิงบวกคือมีบริษัทจดทะเบียนที่มีการเปิดเผยข้อมูลก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น 40%

ขณะที่โบรกเกอร์ วิเคราะห์ไว้ 2 ทาง ทางหนึ่ง ช่วยให้มีเม็ดเงินเข้ามาในตลาดทุนไทย แต่จะส่งผลดีในช่วงปลายปีมากกว่า เพราะกองทุน Thai ESG ผู้คนมักจะซื้อในช่วงปลายปี เพื่อยื่นลดหย่อนภาษี

อีกทางหนึ่ง คาดว่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมสภาพคล่องในตลาดทุนไทย แต่ในแง่ของมูลค่าเม็ดเงินที่จะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย อาจไม่ได้มีนัยสําคัญมากนัก โดยประเมินกรณีดีสุดอยู่เพียงแค่ราว 2 หมื่นล้านบาท อ้างอิงจากตัวเลขพฤติกรรมการซื้อในปีก่อนหน้า

จากนี้ต้องจับตาดูต่อเนื่องว่า กองทุน Thai ESG เงื่อนไขใหม่ ที่จะเปิดนิมิตหมายของการพลิกฟื้นสถานการณ์ตลาดทุนไทย จะเข้าตานักลงทุน จะดึงดูดมนุษย์เงินเดือนสายออมได้มากแค่ไหน

ติดตาม Prachachat BITE SIZE EP.66 ได้ที่ https://youtu.be/JxEthPcAIrE

เข้าใจง่าย ได้ความรู้ ทุกสถานการณ์ข่าว กับ “Prachachat BITE SIZE” ทุกวันเสาร์ 11.00 น. ทุกช่องทางออนไลน์ของประชาชาติธุรกิจ