
สัมภาษณ์พิเศษ
ยุคนี้ต้องบอกว่าเป็นยุคที่มีความท้าทายหลายเรื่อง 1.เศรษฐกิจโดยรวมโตต่ำ 2.ความเสี่ยงภายนอกเยอะกว่าความเสี่ยงภายใน เรามองว่าความเสี่ยงภายนอก มีทั้งเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือแม้กระทั่งอิสราเอลกับฝั่งฮามาส เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้บรรยากาศของการลงทุน หรือการค้าขายมันแย่ลงไปกว่าเดิม”
“กบข.ไม่ใช่นักเก็งกำไร เพราะฉะนั้น ถ้าเราถามว่าเราต้องการผลตอบแทนที่สูงใช่ไหม คำตอบคือใช่ แต่ว่าอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่เราจัดการได้ ดังนั้น การแบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นเรื่องที่สำคัญ”
ข้างต้นเป็นคำกล่าวของ “ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์” เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) คนใหม่ ที่ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ล่าสุด หลังรับตำแหน่งมาได้กว่า 5 เดือน
บริหารพอร์ต 1.3 ล้านล้าน
ในปัจจุบัน กบข.มีสมาชิกประมาณ 1.2 ล้านราย พอร์ตประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นเงินสำรองที่รัฐให้บริหารประมาณ 5 แสนล้านบาท และส่วนของสมาชิกประมาณ 8 แสนล้านบาท โดยการบริหารการลงทุนของ กบข.ก็ต้องลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น เพราะกองทุนตั้งใจที่จะให้ข้าราชการ หรือสมาชิกเกษียณไปแล้วมีเงินที่โตพอที่จะนำไปใช้ต่อได้ในอนาคต
อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าการบริหารให้ได้ผลตอบแทนที่ดีจะค่อนข้างยากในปัจจุบัน เนื่องจากต้องเจอหลายปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า
“ถ้าสมัยที่เศรษฐกิจดี และมีผลตอบแทนที่ดี ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็บวกไปเรื่อย ๆ อันนี้ไม่ยาก เพราะว่าคนลงทุน เศรษฐกิจดี เงินก็คล่อง เศรษฐกิจดีขายอะไรก็ขายได้ โอกาสที่จะประสบผลสำเร็จก็มีสูง แต่ในปัจจุบันภาวะความเสี่ยงรุมเร้า เราเจอตั้งแต่สมัยก่อนโควิด ยุคนี้ต้องบอกว่าเป็นยุคที่มีความท้าทายหลายเรื่อง
1.เศรษฐกิจโดยรวมโตต่ำ 2.ความเสี่ยงภายนอกเยอะกว่าความเสี่ยงภายใน เรามองว่าความเสี่ยงภายนอกมีทั้งเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือแม้กระทั่งอิสราเอลกับฝั่งฮามาส เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้บรรยากาศของการลงทุน หรือการค้าขายมันแย่ลงไปกว่าเดิม”
กระจายลงทุนใน-ต่างประเทศ
“ทรงพล” กล่าวว่า กบข.ไม่ใช่นักเก็งกำไร แต่ถ้าถามว่าต้องการผลตอบแทนที่สูงใช่ไหม คำตอบคือใช่ แต่ว่าต้องอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่จัดการได้ ดังนั้น การแบ่งสัดส่วนการลงทุนเป็นเรื่องที่สำคัญ ต้องมีการวางแผน ต้องมีทีมงานที่เข้าใจและแข็งแรง ซึ่งปัจจุบันเชื่อว่า กบข.มีทีมงานที่แข็งแรงและเข้าใจในเรื่องของการดำเนินการ
ปัจจุบัน กบข.มีสินทรัพย์มากกว่า 12 ประเภท ในการเข้าไปลงทุน ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณลักษณะของการปรับเปลี่ยนราคากับผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกัน
“เราลงทุนต่างประเทศ 60% ลงทุนในประเทศประมาณ 40% แต่ไม่ได้แปลว่าต่างประเทศจะอยู่แบบนั้นเสมอไป ถ้าในประเทศกลับมามีกิจกรรมเยอะขึ้น เราก็สามารถดึงเงินจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศได้ แต่ทั้งหมดต้องเอามาพิจารณาร่วมกัน ความเสี่ยงมีไหม ความเสี่ยงมีอะไรบ้าง และความเสี่ยงเหล่านั้นเราจะบริหารจัดการอย่างไร”
ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดหุ้นประเทศไม่ค่อยดี แม้ กบข.จะลงทุนในประเทศ 40% แต่ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นหุ้น 40% หรือตราสารหนี้ต้องเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ โดย กบข.ก็มีการทบทวนและมีการดำเนินการมาเป็นระยะ ในส่วนของหุ้นจะพิจารณาในมุมของราคา เปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนว่าดีขึ้น และผลตอบแทนโดยรวมเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นก็ดีขึ้น
“ก็มีตั้งแต่ปรับสัดส่วนลงทุนในหุ้นลดลง แล้วก็มาปรับเพิ่ม ปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ผมใช้คำว่าอย่าไปมองหุ้นเหมาเข่ง หมายความว่าหุ้นทั้งกระดาน เพราะแต่ละหุ้นเองมีคุณสมบัติ เราดูเป็นรายบริษัทเลย”
เมื่อถูกถามถึงวิธีการเลือกหุ้น “ทรงพล” กล่าวว่า ก็ต้องถามว่าหุ้นเหล่านั้นอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืนไหม มีความสามารถในการแข่งขันกับภายนอกมากน้อยแค่ไหน ต้องดูว่าบริษัทนั้น ๆ อีก 5 ปีข้างหน้าจะอยู่ได้ หรือแข่งขันกับคนอื่น ๆ ได้อย่างไร
เป้าหมายเอาชนะเงินเฟ้อ
โดยปีนี้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) กบข.บริหารผลตอบแทนได้ 4% แล้ว อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงจนถึงปลายปียังมีอีกมาก ทั้งสงครามที่ยังไม่จบ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
“ปีนี้ถ้าเราจบอยู่ที่ประมาณ 4-6% ได้ถือว่าเก่ง ไม่ง่าย แต่อย่างไรก็ตาม ยังเอาชนะในมุมของเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปีอยู่”
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการ กบข.กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ต้องบริหารเงินของสมาชิกให้เขามีพอสำหรับซื้อของในสิ่งที่เขาอยากได้ในอนาคต แปลว่าต้องเอาชนะเงินเฟ้อให้ได้ ดังนั้น เงินเฟ้อที่ กบข.ใช้จะไม่ได้ใช้เงินเฟ้อแบบปีต่อปี แต่ใช้เงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปี และบวกอีกอย่างน้อย 2%
หนุนสมาชิกออมเพิ่ม
“ผมคิดว่าเราจะต้องทำให้สมาชิกเห็นในส่วนของการลงทุนส่วนตัวเขาด้วย เพราะว่าปัจจุบันสมาชิกหนึ่งคนทางราชการสนับสนุนให้ 3% สมาชิกเติมเงินโดยภาคบังคับอีก 3% รวมกันเป็น 6% ซึ่ง 6% นี้ต่อให้เขาเก็บไปเรื่อย ๆ ก็ไม่พออยู่ดี จริง ๆ แล้วสิ่งที่สมาชิกเติมได้ คือเติมได้อีกถึง 27% แต่ปัจจุบันมีสมาชิกจำนวนไม่มากที่เติมเกิน 10% ปกติจะเติมประมาณ 3% ถึง 5% รวมกันแล้วไม่ถึง 10%”
ทั้งนี้ สมาชิกของ กบข.มีสิทธิเลือกการลงทุน ในส่วนปลีกย่อยเพิ่มเติมจากแผนหลักได้ เช่น หากใครสนใจทองคำก็สะสมทองคำเพิ่มได้ หรือใครชอบหุ้นก็สามารถสะสมหุ้นเพิ่มได้ หรือหากใครไม่อยากคิดอะไรเยอะก็ให้ กบข.บริหาร ซึ่งก็จะมีแผนที่สมดุลตามอายุ ซึ่ง กบข.เป็นกองทุนขนาดใหญ่ของประเทศ มีโอกาสเข้าถึงสินทรัพย์ได้หลายประเภทมาก ทำให้เกิดการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย และความเสี่ยงไม่มาก