โบรกฯชี้แผน PTT หาพันธมิตรลงทุนบริษัทลูก กระทบราคาหุ้นช่วงสั้น

PTT

บล.เอเซีย พลัส ชี้ แผน PTT หาพันธมิตรลงทุนถือหุ้นบริษัทลูก PTTGC-TOP-IRPC กระทบเชิงจิตวิทยาต่อราคาหุ้นช่วงสั้น และราคาปรับตัวขึ้นหรือลงอีกครั้งเมื่อประกาศพันธมิตรว่าคือใคร

วันที่ 21 สิงหาคม 2567 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด รายงานบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น PTT มีแผนปรับพอร์ตธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี ทั้ง PTTGC, TOP, IRPC ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มธุรกิจนี้เข้ามาถือหุ้น แต่ PTT ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยมีเป้าหมายสร้างความแข็งแกร่งร่วมกับพันธมิตรในธุรกิจ Downstream ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงขาลง เพราะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น นอกจากนี้มีแผนลดสินทรัพย์ที่ไม่สร้างผลกำไรด้วย

จากการสอบถามไปยัง PTT ถึงประเด็นข่าวดังกล่าว ทาง PTT ชี้แจงว่า PTT มีการพิจารณาและศึกษาในประเด็นนี้มาตลอด โดยการหาพันธมิตรเป็นอีก ทางเลือกหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เป็นทางเลือกเฉพาะสำหรับธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นเท่านั้น แต่เป็นการทบทวนแผนและมองหาโอกาสต่าง ๆ ของการลงทุนทั้งหมด

ทั้งนี้การพิจารณาหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนจะต้องช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มเติมด้วย เพราะจะได้รับความแข็งแรงจากทั้ง PTT และพันธมิตรมาช่วย และที่ผ่านมาการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ของกลุ่ม PTT ส่วนใหญ่เป็นการจับมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น ๆ ดังนั้น สำหรับธุรกิจปัจจุบันหากมีพันธมิตรที่น่าสนใจและสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจได้ PTT ก็ไม่ปิดโอกาส ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในช่วงของการศึกษา

โดยทาง นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยตามที่ระบุในข่าวว่า กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของกลุ่ม PTT ที่จะเร่งสร้างความแข็งแรง และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในธุรกิจ Hydrocarbon ที่เป็นธุรกิจหลักของ PTT นั้น จะทำตามแบบเดิมไม่ได้ ต้องทำ ควบคู่ไปกับการลดก๊าซเรือนกระจก และต้องปรับตัวพร้อมรับสภาวะแวดล้อมที่ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

โดยธุรกิจ Upstream and Power จะต้องเร่งขยายแหล่งสำรวจและผลิตร่วมกับพันธมิตร มีต้นทุนที่แข่งขันได้ รวมถึงผลักดันการพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา (OCA) เพื่อช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ

ADVERTISMENT

ส่วนธุรกิจ Downstream ต้องปรับตัวและสร้างความแข็งแรงร่วมกับพันธมิตร แสวงหาโอกาสสร้าง Synergy ร่วมกัน เพิ่มเติม สำหรับธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกจะเป็นการมุ่งหน้าเป็น Mobility Partner ของคนไทย รักษาการเป็นผู้นำตลาด ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ NonHydrocarbon

ทั้งนี้ คาดประเด็นการหาพันธมิตรให้บริษัทลูก PTTGC, TOP, IRPC จะส่งผล กระทบเชิงจิตวิทยาต่อราคาหุ้นช่วงสั้น เพราะหากพิจารณาในส่วนของปัจจัยพื้นฐาน ปัจจุบันยังคงเหมือนเดิม ทั้งนี้คาดราคาหุ้นจะได้รับผลกระทบ ปรับตัวขึ้นหรือลงอีกครั้งจะเป็นช่วงที่ประกาศพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมทุนว่าคือ ใครมากกว่า ถึงจะมีการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงที่จะกระทบปัจจัยพื้นฐานได้

ADVERTISMENT