
ธปท.รอความชัดเจนโครงการดิจิทัลวอตเลต หลังปรับเงื่อนไข-รูปแบบจ่ายเงินเป็นเงินสด มองให้เฉพาะกลุ่มเปราะบางมีผลต่อเศรษฐกิจสูง แต่ต้องดูขนาดวงเงิน ย้ำภาครัฐใช้จ่าย-เร่งลงทุนมีผลต่อเศรษฐกิจดีกว่าโอนเงินให้ประชาชน
วันที่ 21 สิงหาคม 2567 นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต ล่าสุดที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขและรูปแบบมาเป็นการจ่ายเงินในรูปแบบเงินสดผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น
หากรูปแบบการให้เฉพาะเจาะจง และเป็นกลุ่มเปราะบาง จะมีผลต่อเศรษฐกิจมากกว่า เนื่องจากกลุ่มนี้จะมีการใช้จ่ายมากกว่ากลุ่มอื่น หากมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น แต่อาจจะต้องดูขนาดของเม็ดเงิน (Scale) ที่อาจจะหมุนในระบบเศรษฐกิจที่น้อยลง
ขณะเดียวกัน หากเทียบรูปแบบการโอนเงินให้กับประชาชนผลต่อระบบเศรษฐกิจอาจจะมีจำกัดกว่าภาครัฐใช้จ่ายเอง ทั้งการลงทุน และบริโภค จะช่วยสร้างกำลังซื้อใหม่ได้มากกว่า
“ธปท.อยู่ระหว่างการติดตามข้อมูลและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด เนื่องจากนโยบายทางการคลังเป็นปัจจัยที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นำมาพิจารณาเพื่อดำเนินนโยบายการเงิน ซึ่งจากเดิมเรามองว่าโครงการดิจิทัลวอลเลตจะมีผลต่อเศรษฐกิจในปี’68 โดยในประมาณการจีดีพีปีนี้ขยายตัว 2.6% และปี’68 อยู่ที่ 3% ยังไม่ได้รวมปัจจัยดิจิทัลวอลเลต”