ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่ง-ความกังวลโอเปกเพิ่มกำลังการผลิตเดือนหน้า

– ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวลดลง หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 18 พค. 2561 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล โดยเป็นผลมาจากการนำเข้าน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่การส่งออกน้ำมันดิบปรับลดลง 818,000 บาร์เรลต่อวัน ไปอยู่ที่ระดับ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากที่สัปดาห์ก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน

– นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล

– กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ (โอเปก) เตรียมตัดสินใจที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบอย่างเร็วที่สุดในเดือน มิ.ย. 2561 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบที่จะปรับตัวลดลงจากเวเนซุเอลาซึ่งประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจถดถอยและถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ รวมทั้งอิหร่านที่ถูกสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์

+ โรงกลั่นรายใหญ่ในประเทศจีนเตรียมที่จะเพิ่มการนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ เพื่อต้องการลดการขาดดุลการค้าจากสหรัฐฯ หลังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะจากประเทศอินเดียและอินโดนิเซีย

ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปทานที่กลับเข้ามาหลังหมดช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับอุปสงค์ในเอเชียเหนือที่ยังอ่อนตัว

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 69-74 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 76-81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง

จับตาผลกระทบจากการถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านของสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง

ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้น้ำมันโลกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกยังคงเดินหน้าปรับลดลงกำลังการผลิต

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัวเหนือระดับต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตในสหรัฐฯ ส่งผลให้จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง