
พิชัย รับทำการบ้านศึกษานโยบายของทักษิณนานแล้ว ให้สถาบันการเงินของรัฐแฮร์คัตหนี้ให้ประชาชน พร้อมให้โจทย์แบงก์พาณิชย์ไปศึกษาแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ช่วยประชาชน
วันที่ 26 สิงหาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการเสนอแนวคิดการแฮร์คัตหนี้ให้ภาคประชาชน ว่าได้ทำการบ้านในเรื่องนี้มานานแล้ว และได้มีการหารือกับสถาบันการเงินของรัฐเรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน ยังรอดูแผนและการมอบนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์ไปดำเนินการ ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือ โดยเป็นเรื่องของการปรับโครงสร้างหนี้ โดยเฉพาะลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้หลายราย โดยในเรื่องความชัดเจนนั้นอยากให้ทุกฝ่ายรอหน่อย
นายพิชัยยังกล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคเหนือว่า ที่ผ่านมาได้ติดตามข่าวมาตลอด และได้หารือกับสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อวางมาตรการดูแลผลกระทบจากวิกฤตในครั้งนี้ว่าจะผ่อนคลายได้อย่างไร
ส่วนความกังวลว่าสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้จะรุนแรงเท่าปี 2554 หรือไม่ นายพิชัยระบุว่า ในครั้งนี้คงไม่น่ากังวล เพราะระดับน้ำในเขื่อนไม่ได้เท่ากับในปี 2554 ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันหน่วยงานรัฐได้เร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน จึงคงไม่มีผลกระทบกับภาคเศรษฐกิจมากนัก
นายพิชัยกล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยจะต้องไปดูว่ามีจุดเเข็งอย่างไร ก็จะต้องเน้นสิ่งนั้น ซึ่งคณะรัฐมนตรีที่เข้ามาทำงานก็พร้อมที่จะผลักดันงานที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้เกิดผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศ
ส่วนการตั้งกองทุนวายุภักษ์ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาในรายละเอียด คาดว่าจะสามารถเปิดให้ประชาชนซื้อขายให้กับนักลงทุนได้ในปลายกันยายนนี้ หรืออย่างช้าภายในต้นตุลาคมนี้
“เราพยายามผลักดันให้เป็นที่นิยม เท่าที่รับฟังก็มีสถาบันการเงิน ประกันภัย รายย่อย ทุกคนสนใจหมด อยู่ในช่วงการสั่งจอง แน่นอนจำนวนเงินมีจำกัด ก็ต้องดูว่าจะจัดสรรอย่างไร คาดว่าปลายเดือน ก.ย. หรือต้น ต.ค. น่าจะสามารถซื้อขายได้” นายพิชัยกล่าว
ทั้งนี้ สถานการณ์ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าในขณะนี้ นายพิชัยระบุว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ โดยมีทิศทางจากเศรษฐกิจการเงินโลกที่ส่งกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเมื่อสถานการณ์ผ่านไปสักระยะค่าเงินบาทก็จะปรับตัวเข้าที่ตามความเหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมาช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า ไทยก็ได้อานิสงส์จากการส่งออกไปแล้ว
หากค่าเงินบาทแข็งค่าก็เชื่อว่าจะเป็นในระยะสั้นเท่านั้น ส่วนการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนในระยะยาวจะต้องเป็นเรื่องของนโยบายการเงินที่จะต้องเข้าไปดูแล