พิชัย เร่งฟื้นเวลท์คนไทย ชี้หุ้นไทยขึ้น 100 จุด มาร์เก็ตแคปเพิ่ม 1.3 ล้านล้าน

หุ้น

พิชัย รองนายก-รมว.คลัง เร่งฟื้นความมั่งคั่งคนไทย เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนไทย-ต่างชาติกลับมา ชี้หุ้นไทยขึ้นทุก ๆ 100 จุด ดันมาร์เก็ตแคปเพิ่ม 1.3 ล้านล้านบาท เข้ากระเป๋านักลงทุนได้ทันที

วันที่ 26 สิงหาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวิชร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทุกฝ่ายเรียกร้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน (Trust and Confidence) ทั้งนักลงทุนในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศ

โดยความเชื่อมั่นมีองค์ประกอบสำคัญคือ 1. กลไกการทำงานของการลงทุน ซึ่งในช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมา มีหลายมาตรการที่ออกมาเพื่อทำให้ทุกคนมั่นใจว่ากลไกของการลงทุนเป็นธรรม และเป็นไปตามกลไกของตลาด ไม่ว่าจะเป็นมาตรการ Short Sell, Naked Short Sell และ Program Trading ซึ่งไม่ขัดกับแนวปฏิบัติสากล และปัจจุบันก็ส่งผลให้เห็นแล้วว่าสามารถควบคุมได้ ตลาดหุ้นเริ่มมีเสถียนภาพมากขึ้น

2.การลงทุนไม่สุจริต-ทุจริต ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหาย และที่ผ่านมามีความร่วมมือในการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น โดยความร่วมมือที่ดีที่สุดคือ ร่วมกันเฝ้าระวัง (Surveillance) โดยหน่วยงานที่มีข้อมูลที่ดีที่สุดคือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพราะเห็นข้อมูลการซื้อขายทุกวัน

รวมทั้งหน่วยงานกำกับตลาดทุนไทยอย่าง สำนักงานคณะกรรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และจะดีที่สุดเมื่อข้อมูลของ 2 หน่วยงานนี้ เชื่อมโยงกับข้อมูลเส้นทางการเงินที่เคลื่อนไหวในตลาดทุนอันเกิดขึ้นจากการลงทุนไม่สุจริต โดยประสานความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

“ดังนั้นการที่ 3 หน่วยงานทั้ง ตลท. ก.ล.ต. และ ปปง. ในวันนี้ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือเพื่อประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น อันเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด

Advertisment

โดยเฉพาะการเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศ และเชื่อมั่นว่าเมื่อมีการเฝ้าระวังไม่ให้การทุจริตเกิดขึ้นแล้ว การกำกับโดยมีกฎหมายรองรับจะต้องตามมาอย่างแน่นอน โดยจะมีการออกกฎหมายเพื่อลงโทษถึงตัวผู้ลงทุนที่แท้จริงได้อย่างเหมาะสม รวดเร็ว เป็นธรรม และลดความเสียหายของผู้ลงทุนได้ด้วย” นายพิชัยกล่าว

และ 3.การสร้างมูลค่าสะท้อนกลับมาที่เศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้มีผลิตภัณฑ์โครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งของเก่าต้องปรับปรุงเพื่อให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เชื่อว่ายังมีมูลค่าอีกอย่างน้อย 20 ปี ส่วนผลิตภัณฑ์โครงสร้างธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล ก็จะทำให้การลงทุนไม่ใช่เฉพาะการเข้าถึงของนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่ แต่ต้องเข้าถึงนักลงทุนราย่อยอีกด้วย

Advertisment

“เราได้เดินมาเกือบครบทุกมิติแล้ว จิ๊กซอว์แต่ละตัวได้มาต่อกัน ทำให้ตลาดทุนจะสามารถฟื้นกลับมาได้ จากตอนที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET INDEX) เคยขึ้นไประดับ 1,800 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) อยู่ประมาณ 22-23 ล้านล้านบาท และตอนนี้ SET INDEX อยู่ที่บริเวณ 1,300 จุด

ซึ่ง Index ขึ้นทุก ๆ 100 จุด จะคิดเป็น Market Cap. ประมาณ 1.2-1.3 ล้านล้านบาท หรือขึ้นทุก ๆ 200 จุด จะคิดเป็น Market Cap. ประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท ดังนั้นจะทำให้มูลค่าหุ้นของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทยมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าจะตอบโจทย์นักลงทุนได้เร็ว” นายพิชัยกล่าว