
ช่วงนี้ ตลาดหุ้นไทยคึกคัก ดัชนี SET พุ่งทะยานขึ้นมาจนยืนเหนือ 1,400 จุดได้ หลังจากจมอยู่ระดับกว่า 1,300 จุดมาหลายเดือน จากปัจจัยที่การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ที่มี “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี มีความชัดเจนขึ้น
และความชัดเจนของการขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ ที่จะเปิดขายรายย่อย ในวันที่ 16-20 ก.ย.นี้ ส่งผลให้ SET Index เมื่อวันที่ 5 ก.ย. เพิ่มขึ้นวันเดียว 38.79 จุด (+2.84%) ปิดตลาดที่ระดับ 1,404 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8.17 หมื่นล้านบาท และ SET Index ยังคงวิ่งต่อเนื่องในวันถัดมา โดยครึ่งวันเช้าเพิ่มขึ้นอีก 22.52 จุด (+1.60%) ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,426 จุด
โดย “ภราดร เตียรณปราโมทย์” รองผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ค่อนข้างดี ส่วนหนึ่งมาจากการคาดหวังเม็ดเงินของกองทุนวายุภักษ์ที่มีความชัดเจนขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยในเดือนนี้ โดยจะเห็นได้โมเมนตัมไหลเข้าตลาดหุ้นไทยค่อนข้างสูง
ขณะที่มองไปในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า (9-13 ก.ย) ประเมินว่า SET มีโอกาสที่จะถูกกดดันบางส่วน แม้ว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) จะไหลเข้าจากประเด็นกองทุนวายุภักษ์ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสที่จะชะลอตัวลงได้ สะท้อนจากตัวเลขแรงงานต่าง ๆ ที่ออกมาชะลอตัวลง ซึ่งยังต้องติดตามว่า เศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงถดถอย (Recession) เพิ่มขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้ จะส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกมีความผันผวน โดยจะกดดันให้ SET Index ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง มีโอกาสที่จะย่อตัวลงมาได้
“ปัจจัยหลัก ๆ ที่อาจจะทำให้หุ้นไทยย่อตัว เป็นปัจจัยภายนอก เพราะตอนนี้ปัจจัยภายใน เราไม่ได้ถูกกดดัน จึงเชื่อว่า SET น่าจะถูกกดดันน้อยกว่าตลาดหุ้นในตลาดภูมิภาคอื่น ๆ หากเกิดความกังวลเรื่อง Recession ขึ้น”
นอกจากนี้ ช่วงกลางสัปดาห์ที่จะถึงนี้ คาดว่าจะเห็นความคืบหน้าของนายกรัฐมนตรีในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งจะเห็นความชัดเจนของนโยบายต่าง ๆ อันจะเป็นผลบวกที่ทำให้เม็ดเงินไหลเข้าเพิ่มเติมได้มากขึ้นด้วย
“ภราดร” กล่าวว่า ประเมินว่า SET ย่อตัวลงและค่อยไปต่อ แนวรับ 1,380-1,400 จุด และหากฟันด์โฟลว์ยังไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง จะทำให้หุ้นไทยมีโอกาสที่จะเดินหน้าต่อ แนวต้าน 1,450 จุด อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าฟันด์โฟลว์มีโอกาสที่จะไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง จากความมั่นใจเรื่องกองทุนวายุภักษ์ที่ชัดเจน ทำให้ต่างชาติเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
ประกอบกับค่าเงินบาทที่มีลักษณะแข็งค่าขึ้น หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งลดดอกเบี้ยเร็วกว่าไทย มีโอกาสที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าต่อ ทำให้ต่างชาติมีโอกาสได้กำไรทั้ง 2 ส่วน ทั้งประโยชน์ของกองทุนวายุภักษ์ และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
“ถ้ามองยาวหน่อย ปีนี้ประเมินว่า SET มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 1,500 จุดได้ หากฟันด์โฟลว์ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และหากมีการลดดอกเบี้ยของเฟด คาดว่า SET มีโอกาสที่จะแตะ 1,510 จุด โดยกลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากกองทุนวายุภักษ์ ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่น SCC, SCGP, PTT, LH, MTC, BGRIM, GULF เป็นต้น”
ด้าน “ณัฐพล คำถาเครือ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากความคาดหวังในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแรงเก็งกำไรเข้ามาซื้อล่วงหน้า จากที่จะมีการเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งคาดว่า SET Index มีโอกาสที่จะขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2567 คาดว่าปัจจัยจะขึ้นอยู่กับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐว่าจะมีผลมากน้อยแค่ไหน
“ในช่วงนี้ตลาดหุ้นไทย Underperform ตลาดหุ้นภูมิภาคอย่างมาก พอมีประเด็นกองทุนวายุภักษ์เข้ามา จึงช่วยสร้างความเชื่อมั่น ภาวะ Underperform ก็ลดลง จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น”
ทั้งนี้ จากสถิติ การเริ่มซื้อกองทุนวายุภักษ์ หุ้นมีโอกาสที่จะ Outperforms ตลาดหุ้นได้ต่อในเดือน ต.ค. อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กองทุนวายุภักษ์ ซื้อขายไป 1 เดือน ตลาดหุ้นมักจะพักฐาน จึงอาจจะต้องระมัดระวังในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2567 หากไม่มีปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง
“ในด้านของฟันด์โฟลว์ ในปีนี้นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยออกไปเยอะ จึงคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้มีโอกาสที่จะเห็นการสลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยได้”
ส่วนตลาดหุ้นไทยจะเข้าสู่ภาวะ “ตลาดกระทิง” (Bull Market) ได้หรือไม่นั้น “ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร” รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ชี้ว่า ขณะนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้น เนื่องจากหลาย ๆ อย่างเริ่มดีขึ้น แต่การจะเรียกว่า ตลาดกระทิง คงต้องรอดูว่าหุ้นมีการปรับตัวขึ้นถึง 20% ได้หรือไม่
จะถึงขั้นตลาดกระทิงหรือไม่ ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ด่านต่อไปของหุ้นไทย ก็คือ 1,500 จุด จะถึงหรือไม่ ถึงเมื่อไหร่ ต้องติดตาม