MTC รุกปล่อย 5 สินเชื่อเจาะลูกค้าภูธรปั๊มยอดกู้โต 40%

เมืองไทย แคปปิตอล ปักหมุดขยายลูกค้าต่างจังหวัด พร้อมบุก 5 สินเชื่อ หวังปั๊มยอดกู้โตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 40% เผยช่วงเปิดเทอมเงินขาดมือ หนุนบริการดันยอดกู้พุ่ง ปีนี้ตั้งเป้าปล่อยกู้ใหม่ 8 หมื่นล้านบาท คาดยอดสินเชื่อคงค้างเพิ่ม 5 หมื่นล้านบาท สินเชื่อใหม่ 8 หมื่นล้านบาท เน้นคุมเอ็นพีแอลไม่เกิน 1.5%

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC กล่าวว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 2 นี้ บริษัทจะมุ่งเน้นเข้าไปปล่อยสินเชื่อใน 5 ประเภทหลักๆ ได้แก่ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) สินเชื่อจำนำที่ดิน สินเชื่อจำนำรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (นาโนไฟแนนซ์) โดยยังตั้งเป้าหมายเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้เกิน 10,000 บาทในทุกกลุ่มอาชีพ ซึ่งจะเน้นขยายฐานในต่างจังหวัดมากขึ้น เนื่องจากไตรมาสนี้เป็นช่วงเปิดเทอม ซึ่งคาดว่าลูกค้าน่าจะมีความต้องการเงินสูง

ชูชาติ เพ็ชรอำไพ

ซึ่งจากการขยายตลาดลูกค้าดังกล่าวจะหนุนผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากไตรมาสแรก โดยเฉพาะสินเชื่อที่คาดจะรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ย 40% ได้

ส่วนไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรสุทธิ 834 ล้านบาท เติบโต 55.59% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งหลัก ๆ มาจากการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น ทำให้ไตรมาสแรกมียอดปล่อยสินเชื่อใหม่ (นิวโลน) อยู่ที่ 16,875 ล้านบาท เติบโต 42.40%

“ปัจจุบัน เรามีแหล่งเงินจากการกู้ธนาคาร 8,000 ล้านบาท และที่อยู่ระหว่างการอนุมัติเงินกู้อีก 2,000 ล้านบาท และเราเตรียมออกหุ้นกู้อีก 2,000-3,000 ล้านบาทในไตรมาส 3 นี้ ซึ่งจากวงเงินเหล่านี้น่าจะมีสภาพคล่องเพียงพอในการใช้ดำเนินธุรกิจและชำระตั๋วบี/อีได้ เพราะตั้งแต่ พ.ค.เป็นต้นไป เราต้องชำระคืนตั๋วบี/อีเดือนละ 1 พันล้านบาท รวม 4 พันล้านบาท” นายชูชาติกล่าว

นายชูชาติยังกล่าวอีกว่า สำหรับปี 2561 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ราว 50,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตที่ 40% จากปีก่อน ที่มีพอร์ตสินเชื่อคงค้างที่ 35,622 ล้านบาท โดยเป็นการปล่อยสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 80,000 ล้านบาท โต 37.83% จากปีก่อน ส่วนรายได้คาดว่าจะแตะ 10,000 ล้านบาท เติบโต 33.86% จากปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิคาดเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ 2,501 ล้านบาท

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของบริษัท ปีนี้ตั้งเป้าหมายคุมเอ็นพีแอลให้อยู่ไม่เกิน 1.5% จากไตรมาสแรกที่ผ่านมา ที่เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.29% จากสิ้นปี 2560 เอ็นพีแอลอยู่ที่ 1.09% โดยเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มาจากสินเชื่อรวมโตชะลอลงเล็กน้อยหากเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ทำให้สัดส่วนเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น

“ปีนี้มีปัจจัยที่ต้องจับตามองคือ รายละเอียดของกฎเกณฑ์เช่าซื้อที่น่าจะออกมาเพิ่มเติมภายในปีนี้ แต่ปัจจุบันเกณฑ์ที่ออกมายังไม่ส่งผลกระทบต่อทางบริษัทเพราะมีการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อยู่แล้ว ที่สำคัญไม่ได้มีการจำกัดดอกเบี้ยไว้ที่ 15% อย่างที่หลายฝ่ายกังวล ขณะเดียวกันมาตรฐานบัญชี IFRS9 ทางบริษัทมีการเตรียมตัวไว้แล้ว โดยมีการตั้งสำรองสูงถึง 260%” นายชูชาติกล่าว

สำหรับแผนงานในระยะ 3 ปีของบริษัท (2561-2563) ได้ตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 30-40% และควบคุมเอ็นพีแอลให้ไม่เกิน 1.5% ด้านการขยายสาขาปี 2561 จะอยู่ที่ 3,000 สาขา ปี 2562 จะอยู่ที่ 3,400 สาขา และปี 2563 อยู่ที่ 4,000 สาขา