ปลัดคลัง ยันรัฐไม่ล้มแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 2 ชี้ตั้งงบฯ 68 แล้ว

ปลัดคลังยันรัฐบาลแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทเฟส 2 ไม่ล่ม อยู่ระหว่างพัฒนาระบบ ชี้ตั้งงบประมาณปี’68 เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.8 แสนล้านบาท

วันที่ 13 กันยายน 2567 นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต เฟส 2 นั้น รัฐบาลยังยืนยันที่จะดำเนินการต่อไป เป็นสิ่งที่ต้องทำต่อ

เพราะเป็นโครงการที่ถือเป็นอินฟาสตรักเจอร์ของประเทศไทย เป็นเครื่องมือของรัฐบาลในอนาคตที่จะนำเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เป็นการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล แต่จะพร้อมเมื่อไหร่ ทั้งหมดคงขึ้นอยู่กับระบบเป็นหลัก หากระบบแล้วเสร็จก็คงจะได้มีการจ่ายเงินให้ประชาชนในเฟสที่ 2 ต่อปี

“ยืนยันว่าคนที่ลงทะเบียนไว้แล้วก็ยังมีสิทธิที่จะได้รับเงิน ไม่ได้ล้ม แต่ว่าหากได้ผ่านกลุ่มเปราะบางไปแล้วก็จะไม่ได้รับสิทธิอีก ส่วนถามว่าจะทันปีนี้หรือไม่ คงต้องขึ้นอยู่กับการพัฒนาระบบ โดยมองว่าเมื่อรัฐบาลได้จ่ายเงินให้กับกลุ่มเปราะบางเป็นกลุ่มแรกไปแล้ว เชื่อว่าแรงกดดันของโครงการเรื่องการจ่ายเงินก็น่าจะลดลง หลังจากนี้รัฐบาลก็จะมีเวลาในการพัฒนาระบบให้มากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามข้อกังวลของหน่วยงาน

โดยเฉพาะเรื่องการเร่งดำเนินการด้านระบบมากเกินไป จนทำให้อาจจะไม่ได้มีการทดสอบระบบอย่างมีประสิทธิภาพ จนเกิดความมั่นใจ ดังนั้น ตรงนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่รัฐบาลจะพัฒนาระบบเป็นอย่างดี และทดสอบจนเป็นที่มั่นใจ” ปลัดคลังกล่าว

นายลวรณกล่าวว่า ส่วนกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนก็ยังเปิดให้ลงทะเบียนตามกำหนดเดิมคือวันที่ 16 ก.ย.นี้ ผ่าน 3 ธนาคารัฐ ได้แก่ ออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งทั้ง 3 แห่งมีความพร้อม ได้มีการประชุมซักซ้อมความเข้าใจกันหมดแล้ว

ADVERTISMENT

สำหรับข้อกังวลเกี่ยวกับข้อจำกัดเรื่องงบประมาณนั้น นายลวรณระบุว่า ยืนยันว่าวันนี้รัฐบาลมีงบประมาณปี 2568 ที่จะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.8 แสนล้านบาท ส่วนจะนำเมาดำนินการในโครงการดิจิทัลวอลเลตอย่างไรบ้าง คงขึ้นอยู่กับการจัดสรร

โดย ณ วันนี้มีผู้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ราว 32 ล้านคน เมื่อหักกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคนไปแล้ว ก็ต้องมาดูว่ายังเหลือประชาชนที่จะได้รับสิทธิอีกเท่าไหร่ และจะดำเนินการจ่ายเงินอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับฝ่ายนโยบาย โดยทุกอย่างต้องเป็นไปทีละขั้นตอน

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเม็ดเงินจากโครงการดิจิทัลวอลเลตที่จะแจกให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.นี้ คิดเป็นเม็ดเงินกว่า 1.45 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นก้อนใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจ่ายมา เชื่อว่าจะส่งผลดีกับระบบเศรษฐกิจ ไม่ต้องรอให้ถึง ธ.ค. ซึ่งเป็นกำหนดเดิมของโครงการ และเชื่อว่าปีนี้มีโอกาสที่จะได้เห็นการเติบโตของตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ขยายตัวได้ถึง 3% อย่างแน่นอน

โดยเฉพาะในไตรมาส 4/2567 ที่จะได้เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของจีดีพี จากเม็ดเงินของโครงการดิจิทัลวอลเลต ที่จะแจกให้กับกลุ่มเปราะบาง และยังมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ที่จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยให้ตลาดทุนกลับมามีเสถียรภาพ มีความเชื่อมั่น และมีความมั่นใจ

ขณะเดียวกัน ยังมีเม็ดเงินจากงบประมาณปี 2568 ที่จะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค. 2567 ด้วยเช่นกัน ถือเป็นเม็ดเงินใหม่ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ (ต.ค.-ธ.ค.)