หุ้นไทย ปิดบวก 19 จุด ตอบรับเฟดลดดอกเบี้ยรอบ 4 ปี ส่องหุ้นราคาพุ่ง

ตลาดหุ้นไทย

ดัชนีหุ้นไทยปิดพุ่งท้ายตลาดบวก 19.07 จุด หรือ +1.33% บล.กรุงศรี ชี้ปรับขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ตอบรับเฟดลดดอกเบี้ยในรอบ 4 ปี เซ็กเตอร์ปรับขึ้นหนุนตลาด “อิเล็กทรอนิกส์-ไอซีที-โรงไฟฟ้า-ไฟแนนซ์” ได้ประโยชน์เทรนด์ดอกเบี้ยขาลง

วันที่ 19 กันยายน 2567 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี รายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปิดตลาดวันนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.07 จุด (+1.33%) ปิดที่ระดับ 1,454.84 จุด มูลค่าการซื้อขาย 67,668 ล้านบาท (จำนวนหุ้นปรับขึ้น 382 บริษัท และหุ้นปรับลง 123 บริษัท) ดัชนีปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ตอบรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ย 0.5% เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยที่ GDP สหรัฐยังขยายตัวที่ระดับ 2% เป็นจิตวิทยาบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตลาดหุ้น

สำหรับเซ็กเตอร์ที่ปรับขึ้นหนุนตลาดคือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA, KCE, HANA), กลุ่มไอซีที (TRUE, ADVANC, INTUCHX และกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM, GPSC)

โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ TIDLOR (+2.14%), SAWAD (+3.45%), AEONTS (+4.32%), KTC (+1.6%) ปรับขึ้นแรง Outperform ตลาด เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่จะได้ประโยชน์โดยตรงจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง หลังเฟดประกาศลดดอกเบี้ย 0.5% จาก 5.25-5.5% เป็น 4.75-5% นับเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี และส่งสัญญาณจะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งปีนี้และ 4 ครั้งปีหน้า

และ GULF (+2.7%), BGRIM (+2.18%), GPSC (+1.62%) นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ามองเป็นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง ผสานกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วเพิ่ม FX Gain ให้ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP ในงบฯไตรมาส 3/2567 3Q24 นอกจากนี้ยังมี Growth Story จากการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเฟส 2 จำนวน 3,600 เมกะวัตต์ ที่เตรียมเปิดประมูลในปลายปีนี้

และ CBG (+5.86%) ปรับขึ้นร้อนแรง หลังนักวิเคราะห์เริ่มพรีวิวงบฯไตรมาส 3/2567 คาดกำไรสุทธิพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากกลยุทธ์การคงราคาขายปลีกที่ระดับ 10 บาทต่อขวด

Advertisment

และ SCGP (+5.56%) เช้าวันนี้นักวิเคราะห์ของบริษัทออกบทวิเคราะห์ มีมุมมองบวกต่อแผนระยะยาว (2025-2030) ตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA เป็น 3-3.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท จากการขยายธุรกิจไปยังตลาดที่มีกำลังซื้อสูง อาทิ เวียดนาม และ อินโดนีเซีย รวมไปถึงตลาดในสหรัฐและยุโรป เพื่อทดแทนสินค้าจากจีน ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ยังแนะนำ ซื้อ SCGP ให้ราคาเป้าหมาย 33 บาท

และ TRUE (+4.63%) นักวิเคราะห์มีมุมมองบวกต่อคาดการณ์งบฯในไตรมาส 3/2567 แม้จะเป็น Low Season ของธุรกิจ เบื้องต้นคาดมีกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 2.1 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 1.6 พันล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และแนวโน้มกำไรจะเร่งตัวขึ้นอีกในช่วงไตรมาส 4/2567 จาก High Season ของธุรกิจ รวมไปถึงผลบวกจากการเปิดขาย iPhone 16 แนะนำ ”ซื้อ“ ราคาเป้าหมาย 13.20 บาท

Advertisment