
บอร์ด “ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป” ลงความเห็นให้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ หลังพบความผิดปกติการทำรายการของ 2 บริษัทย่อย ในการกู้ยืมเงินภายใน สั่งสินค้าแต่ไม่ได้มีการรับมอบสินค้าจริง และมียอดหนี้คงค้างอันควรสงสัยรวมทั้งสิ้น 105 ล้านบาท คาดส่งผลต่องบการเงิน สั่งผู้สอบบัญชีตรวจเปิดเผยในงบไตรมาส 3/67 พร้อมย้ายบุคลากรที่เกี่ยวข้องออกจากตำแหน่งทันที
วันที่ 21 กันยายน 2567 นางสาวณัฐธกานต์ จิตติณพัฒน์ เลขานุการบริษัท บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า บริษัทตรวจพบรายการอันควรสงสัยคือ 1.เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 คณะกรรมการตรวจสอบของบริษัท ได้รับทราบข้อมูลการทำรายการอันควรสงสัยของบริษัทย่อยจำนวน 2 แห่ง ได้แก่
(ก) บริษัท โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง จำกัด (THB) ซึ่งบริษัทถือหุ้น 83.03% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ THB และ
(ข) บริษัท ที เอช เฮลท์ จำกัด (THH) ซึ่งบริษัทถือหุ้น 51.22% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ THH
2.การทำรายการอันควรสงสัยของบริษัทย่อยดังกล่าวประกอบด้วย (ก) การที่ THB และ THH ให้กู้ยืมเงินแก่ บริษัท ราชธานีพัฒนาการ (2014) จำกัด (RTD) ซึ่งเป็นบริษัทที่กลุ่มครอบครัววนาสิน เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ในเดือนธันวาคมปี 2565-ปี 2566 จำนวนทั้งสิ้น 6 รายการ คิดเป็นยอดเงินรวมทั้งสิ้น 145 ล้านบาท
(ข) การที่ THB ให้กู้ยืมเงินแก่ บริษัท ไทย เมดิเคิล กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ RTD เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ในปี 2566 จำนวนทั้งสิ้น 1 รายการ คิดเป็นยอดเงินรวมทั้งสิ้น 10 ล้านบาท
(ค) การที่ THH สั่งซื้อสินค้าจากบริษัทซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์ แต่ไม่ได้มีการรับมอบสินค้าจริง ในปี 2566 จำนวนทั้งสิ้น 2 รายการ คิดเป็นยอดเงินรวมทั้งสิ้น 55 ล้านบาท
3.การเข้าทำรายการอันควรสงสัยตามข้อ 2 ข้างต้น เป็นการดำเนินการโดยฝ่ายบริหารบางส่วนของบริษัทย่อย ซึ่งเป็นการกระทำนอกอำนาจหน้าที่ ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบภายในที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทย่อย ไม่ได้ปฏิบัติตามประกาศเรื่องรายการที่เกี่ยวโยงกันของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ฯ และไม่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของบริษัท
4.ปัจจุบันยอดหนี้คงค้างของรายการอันควรสงสัยดังกล่าวรวมทั้งสิ้นประมาณ 105 ล้านบาท (ไม่นับรวมดอกเบี้ย)
5.บริษัทได้แจ้งให้ผู้สอบบัญชีของบริษัททราบถึงรายการอันควรสงสัยดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2567 และบริษัทขอให้ผู้สอบบัญชีให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับรายการอันควรสงสัยดังกล่าว โดยบริษัทคาคว่าหากมีผลกระทบจะสามารถเปิดเผยผลกระทบทางการเงินนี้ได้ในงบการงินรวมของไตรมาส 3/2567 ที่กำลังจะจัดทำและเปิดเผยให้ผู้ลงทุนทราบต่อไป
6.บริษัทได้เริ่มดำเนินการแก้ไขเหตุการณ์ที่ตรวจพบเพื่อรักษามาตรฐานในการบริหารจัดการดังนี้
6.1 บริษัทได้โยกย้ายบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการทำรายการอันควรสงสัยดังกล่าวให้ออกจากตำแหน่งที่เกี่ยวข้องโดยทันที
6.2 บริษัทได้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง และอยู่ระหว่างการดำเนินการทางวินัย และ/หรือทางกฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำรายการอันควรสงสัยดังกล่าวจนถึงที่สุด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้น
6.3 บริษัทได้เน้นย้ำและกำชับให้บุคลากรของบริษัทและบริษัทย่อย ปฏิบัติตามกฎระเบียบภายในที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทย่อยอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคต และการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินการทางวินัย และ/หรือทางกฎหมาย อย่างเด็ดขาด
6.4 บริษัทอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ผลกระทบ ซึ่งอาจเกิดขึ้นต่อฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงาน และความเสี่ยงโดยรวมของบริษัททั้งในระยะสั้นและระยะยาว การวิเคราะห์ดังกล่าวจะครอบคลุมทั้งด้านการเงิน การดำเนินธุรกิจ และความเสี่ยงด้านกฎหมาย เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทสามารถจัดการกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ บริษัทอาจพิจารณาว่าจ้างที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกตามความเหมาะสม เพื่อให้ความช่วยเหลือในการวางแผนแก้ไขและป้องกันความเสี่ยงเพิ่มเติม
7.คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาแล้วเห็นควรให้มีการรายงานการเกิดขึ้นของรายการอันควรสงสัยดังกล่าวให้แก่ตลาดหลักทรัพย์ และผู้ถือหุ้นทราบ เพื่อให้ทุกฝ่ายมีข้อมูลที่ถูกต้องและทันเหตุการณ์ โดยบริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการเปิดเผยข้อมูลที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทน และมีความมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
ทั้งนี้หากมีความคืบหน้าที่เป็นสาระสำคัญเป็นประการใด บริษัทจะรายงานต่อหน่วยงานกำกับดูแล และตลาดหลักทรัพย์โดยทันที
หมายเหตุ:
– ตามข้อมูลวันปิดสมุดทะเบียน วันที่ 28 มิถุนายน 2567 กลุ่มครอบครัววนาสิน เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โดยถือหุ้นทางตรงและ ทางอ้อมในบริษัทรวม 21.51% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท
– กลุ่มครอบครัววนาสินถือหุ้น 40.80% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ RTD
– กลุ่มครอบครัววนาสิน และ RTD ถือหุ้น 36.1% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ไทย เมดิเคิล กรุ๊ป จำกัด
– Scientific Software Solutions เป็นบริษัทซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งในประเทศสิงคโปร์ในรูปแบบเจ้าของกิจการคนเดียว โดยได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566