
กยศ.ชี้แจงกรณีสาว อบต.โดนฟ้องยึดทรัพย์ ทั้งที่ถูกหักเงินทุกเดือนชำระหนี้ เผยฟ้องตั้งแต่ปี 2557 จะหมดอายุความบังคับคดี จึงมีการขอหมายสวมสิทธิ ยืนยันยังไม่ได้ยึดทรัพย์ ขอเพียงมาปรับโครงสร้างหนี้ ผ่อนได้อีก 15 ปี ลดเบี้ยปรับ 100% ปลดผู้ค้ำประกัน และไม่ถูกยึดทรัพย์แน่นอน
วันที่ 23 กันยายน 2567 นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า “จากกรณีที่สื่อมวลชนได้รับการร้องเรียนจากผู้กู้ยืมรายหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ทำงานที่องค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง ถูกหมายศาลสั่งบังคับคดียึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ กยศ. ทั้งที่ถูกหักเงินเดือน เดือนละ 1,200 บาท ระหว่างปี 2562-2566 คิดเป็นเงิน 61,200 บาท กองทุนได้ตรวจสอบแล้วพบว่าผู้กู้ยืมรายดังกล่าวถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2557”
ซึ่งเคยตกลงทำตามสัญญาประนีประนอมยอมความในการผ่อนชำระ 108 งวด เริ่มชำระตั้งแต่งวด 5 สิงหาคม 2557-5 กรกฎาคม 2566 ต่อมากองทุนได้มีหนังสือแจ้งหักเงินเดือนผู้กู้ยืมตามจำนวนที่ทำสัญญาประนีประนอมยอมความตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจะครบอายุความบังคับคดี กองทุนจึงหยุดการหักเงินเดือนและได้แจ้งให้ผู้กู้มาติดต่อปรับโครงสร้างหนี้ แต่ผู้กู้ไม่ได้ติดต่อกลับมา กองทุนจึงจำเป็นต้องดำเนินการเตรียมบังคับคดีเพื่อมิให้ขาดอายุความ
ทั้งนี้ หนังสือที่ผู้กู้ยืมได้รับดังกล่าวเป็นหมายสวมสิทธิเท่านั้น กองทุนยังไม่ได้มีการยึดทรัพย์แต่อย่างใด
ที่ผ่านมา กองทุนได้ดำเนินการคำนวณหนี้ใหม่ (Recalculation) ให้แก่ผู้กู้รายนี้แล้ว จากเดิมผู้กู้ยืมรายดังกล่าวมีภาระหนี้คงเหลือประมาณ 120,000 บาท และเมื่อคำนวณหนี้ใหม่แล้วมียอดหนี้คงเหลือประมาณ 60,000 บาทเศษ โดยผู้กู้สามารถตรวจสอบภาระหนี้ได้ที่เว็บไซต์ www.studentloan.or.th อีกทั้งผู้กู้ยืมรายดังกล่าว ยังมีสิทธิเข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เพื่อขยายระยะเวลาผ่อนชำระเงินคืนกองทุนเป็นรายเดือนออกไปอีก 15 ปี
เมื่อชำระหนี้งวดสุดท้ายเสร็จสิ้น กองทุนจะให้ส่วนลดเบี้ยปรับเดิมที่ตั้งพักไว้ทั้งหมด 100% และปลดภาระผู้ค้ำประกันทันทีหลังจากทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ หากผู้กู้ยืมรายนี้ประสงค์จะปรับโครงสร้างหนี้ กองทุนจะใช้ยอดหนี้ที่ได้คำนวณใหม่นี้ในการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้
“ทั้งนี้ หากผู้กู้ยืมรายใดที่อยู่ระหว่างกระบวนการดำเนินคดี/บังคับคดี ขอให้มาติดต่อปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้กู้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ ซึ่งเงินที่ผู้กู้ยืมชำระหนี้คืนกองทุนจะเป็นทุนหมุนเวียนเพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียน นักศึกษา รุ่นน้องต่อไป” ผู้จัดการกองทุนกล่าว