
บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ผนึก AGI-บลจ.กรุงศรี เปิดตัวยูนิตลิงก์ 2 กองทุนใหม่ “KFGDA-I และ KFGDB-I” ชูจุดเด่นปรับเปลี่ยนตามภาวะตลาด-คุมความเสี่ยงได้ดี คาดช่วยหนุนเบี้ยปีแรกผ่านช่องทางตัวแทนโต 40% ภายในปีแรก จากสิ้นปีก่อนมีเบี้ยอยู่ที่ 160 ล้านบาท
วันที่ 10 ตุลาคม 2567 นางสาวพบพร พิพัฒน์สาธุกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจยูนิตลิงก์ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า ภาพรวมการเติบโตของประกันควบการลงทุน (ยูนิตลิงก์) ของไทย มองว่ายังมีโอกาสการเติบโตค่อนข้างสูง เนื่องจากคนไทยมีสัดส่วนการถือครองประกันค่อนข้างน้อย และมีผู้ที่ทำเรื่องของยูนิตลิงก์เพียง 14 ราย ซึ่งศักยภาพของอลิอันซ์ทำให้บริษัทหันมามุ่งเน้นในส่วนนี้ สะท้อนได้จากตลาดยูนิตลิงก์ในช่วงมกราคม-สิงหาคม 2567 ทั้งระบบเติบโตติดลบ -1.6% แต่ของอลิอันซ์มีการขยายตัวได้ 6-7%
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในส่วนของยูนิตลิงก์ ในปี 2566 บริษัทมีเบี้ยประกันปีแรกผ่านช่องทางตัวแทนอยู่ที่ 160 ล้านบาท ปี 2567 บริษัทตั้งเป้าการเติบโตอยู่ที่ 30% โดยปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนที่มีใบอนุญาต (IC License) ราว 1,400 ราย
อย่างไรก็ดี คาดว่าภายหลังจากมีเปิดตัว 2 กองทุนรวมใหม่ Allianz Dynamic Multi Asset Strategy SRI (DMAS SRI) 75 และ (DMAS SRI) 50 กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน ทั้งในส่วนของกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลไดนามิคแอกเกรสซีฟอโลเคชั่นเอสอาร์ไอ-ผู้ลงทุนสถาบัน (KFGDA-I) และกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลไดนามิคบาลานซ์อโลเคชั่นเอสอาร์ไอ-ผู้ลงทุนสถาบัน (KFGDB-I) จะช่วยให้เบี้ยประกันปีแรกยูนิตลิงก์ ขายผ่านตัวแทนจะสามารถเติบโตได้ 40% ภายใน 1 ปี
“จากเดิม อลิอันซ์เราไม่เคยอยู่ใน Ranking ของประกันยูนิตลิงก์เลย แต่มาในวันนี้เรามีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ในส่วนของช่องทางตัวแทน และตอนนี้เรามีกองทุนให้ลูกค้าเลือกทั้งหมด 14 กองทุน รวมทั้ง 2 กองทุนใหม่ ให้ลูกค้าได้เลือกและปรับเปลี่ยนกองทุนโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแรกเข้าและพรีเมี่ยมชาร์จ โดยคาดว่า 2 กองทุนใหม่ KFGDA-I และ KFGDB-I จะขึ้นมาอยู่ใน Top 5 ของลูกค้าในการลงทุน”
นายวิรงค์ พัฒนกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารตัวแทน บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงก์ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการวางแผนการเงินส่วนบุคคลที่มีเพิ่มขึ้นในยุคนี้ ด้วยการตอบโจทย์ในเรื่องของความยืดหยุ่นในการให้ความคุ้มครอง การจ่ายเบี้ย และยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนตามความเสี่ยงที่ผู้เอาประกันภัยยอมรับได้ เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
ล่าสุด บริษัทร่วมกับอลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ส บริษัทจัดการสินทรัพย์และการลงทุนชั้นนำระดับโลก และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด เปิดตัว 2 กองทุนรวมใหม่ Allianz Dynamic Multi Asset Strategy SRI (DMAS SRI) 75 และ (DMAS SRI) 50 กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน
โดยกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลไดนามิค แบ่งเป็น 2 กองทุนเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าตามความเสี่ยงที่รับได้ คือ กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลไดนามิคแอกเกรสซีฟอโลเคชั่นเอสอาร์ไอ-ผู้ลงทุนสถาบัน (KFGDA-I) ลงทุนในหุ้นตั้งแต่ 0-125% โดยมีเป้าหมายระดับความผันผวนที่ 10-16%
และกองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลไดนามิคบาลานซ์อโลเคชั่นเอสอาร์ไอ-ผู้ลงทุนสถาบัน (KFGDB-I) ลงทุนในหุ้นตั้งแต่ 0-100% โดยมีเป้าหมายระดับความผันผวนที่ 6-12%
ทั้งนี้ กองทุน DMAS SRI จะบริหารโดย อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนมุ่งเน้นการเติบโตที่ยั่งยืนมากว่า 20 ปี โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมูลค่ากว่า 555 พันล้านยูโร มีสำนักงานกว่า 20 ประเทศทั่วโลก พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมากกว่า 600 คน
“เราเริ่มขายกองทุนมาตั้วแต่ปี 2560 และมีการพัฒนาโปรดักต์มาโดยตลอด ทั้งสินค้า กองทุน และเครื่องมือการขาย จนปัจจุบันมีทั้งหมด 14 กองทุน ซึ่งจะมาช่วยตอบโจทย์ลูกค้า“
นายเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนทางเลือก บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี กล่าวว่า สำหรับจุดเด่นของทั้ง 2 กองทุน ได้แก่ (KFGDA-I) และ (KFGDB-I) จะเห็นว่าค่าความผันผวนจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นโลกที่มีค่าความผันผวนเฉลี่ย 20% รวมถึงการนำปัจจัยพื้นฐานทางด้านความยั่งยืน ESG เข้ามารวมอยู่ด้วย การจับแนวโน้มตลาดและสามารถกระจายการลงทุนได้รวดเร็ว เช่น ในภาวะตลาดดีอาจจะถือสินทรัพย์เกิน 100% หรือภาวะตลาดไม่ดีมากนักอาจจะถือครองเงินสด 20-30% ของการลงทุน ตลอดจนมีการกำหนดค่าความเสี่ยงไว้
“หากย้อนดูผลตอบแทนค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับตลาดในช่วง 5 ปี พบว่า SRI 75 จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 10% ต่อปี และ SRI 50 จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5-6% ต่อปี สะท้อนจุดเด่นการเป็นกองทุนที่มีสินทรัพย์หลากหลาย และควบคุมความเสี่ยงได้ดี”