‘สมชัย’ อดีต กนง. ชี้ลดดอกเบี้ย ดีเฉพาะกลุ่ม ห่วงสภาพคล่องไม่ถึงมือรายย่อย

'สมชัย' อดีต กนง. ชี้ลดดอกเบี้ย ดีเฉพาะกลุ่ม ห่วงสภาพคล่องไม่ถึงมือรายย่อย

‘สมชัย จิตสุชน’ TDRI และอดีต กนง. ชี้เศรษฐกิจขยายตัวตามศักยภาพ คาดเป็นเหตุไม่ลดอัตราดอกเบี้ย ห่วงสภาพคล่องกระจุกตัวบริษัทใหญ่-ธนาคารพาณิชย์ เม็ดเงินไม่ถึงรายย่อย แนะปรับโครงสร้างหนี้ แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน หนุนรัฐดันเพิ่มทักษะคน-ผู้ประกอบการให้เป็นวาระแห่งชาติ

วันที่ 10 ตุลาคม 2567 ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อํานวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ในฐานะอดีตคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลส่งสัญญาณชัดเจนถึงความต้องการให้มีการลดอัตราดอกเบี้ย ว่าหลักคิดของนโยบายการเงิน คือเรื่องของเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ หากใช้มุมมองของรัฐบาลที่พยายามจะฉายภาพว่าเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง การรักษาเสถียรภาพด้วยการลดดอกเบี้ยถือว่าถูกต้อง

แต่ต้องถามกลับว่า เศรษฐกิจตกต่ำจริงหรือไม่ เพราะการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้คาดกันว่าขยายตัวประมาณ 2.5-2.9% ขณะเดียวกัน ยังมีเม็ดเงินจากดิจิทัลวอลเลตลอตแรกที่เข้ามาในระบบในปีนี้ และอีกงวดในปีหน้า

“ตัวเลขที่ผู้กำหนดนโยบายการเงินใช้คือความแตกต่างระหว่างแนวโน้มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจและการขยายตัวตามศักยภาพ ที่หมายถึงระดับการขยายตัวที่เป็นไปได้ภายใต้โครงสร้างและความสามารถในการแข่งขันปัจจุบัน ซึ่งมองไปข้างหน้าความแตกต่างนี้ไม่ชัดเจน

หาก กนง.มองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่การขยายตัวจะใกล้เคียงระดับศักยภาพที่ประมาณ 2.8-3.0% แนวทางที่ควรจะเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่อัตราในปัจจุบัน แต่การที่ กนง.บอกว่ายังไม่ลดดอกเบี้ย ไม่ได้หมายความว่ารอบหน้าจะไม่ลด เพราะถ้ามีตัวเลขเข้ามาใหม่ว่าเศรษฐกิจซบเซากว่าที่คิด ก็มีความเป็นไปได้ที่จะลดดอกเบี้ยได้” ดร.สมชัยระบุ

ดอกเบี้ยต่ำดีเฉพาะกลุ่ม สภาพคล่องไม่ไหลลงล่าง

ดร.สมชัยยังกล่าวถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการลดดอกเบี้ยโดยไม่มีเหตุจำเป็นว่า ทำให้ประเทศเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยต่ำเกินควร ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับรัฐบาลและภาคธุรกิจ แต่สําหรับภาพรวมของประเทศไม่ค่อยดี เพราะเมื่อดอกเบี้ยต่ำส่งผลให้ประชาชนก่อหนี้มากขึ้น และเป็นสาเหตุหนึ่งแม้จะไม่ใช่ทั้งหมด ที่ในระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน หนี้ครัวเรือนของไทยเพิ่มมากว่า 90% ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เศรษฐกิจไม่ขยายตัว เพราะคนต้องไปจ่ายหนี้ไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย

ADVERTISMENT

ดร.สมชัยระบุว่า การลดดอกเบี้ยแต่ละครั้ง ธปท.จะต้องอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจด้วย แต่สภาพคล่องและเงินจะไปกองอยู่กับคนรวยบริษัทใหญ่ และธนาคารพาณิย์ โดยที่เงินไม่ได้ไปสู่เอสเอ็มอี เนื่องจากธนาคารไม่กล้าปล่อยสินเชื่อให้รายย่อย เพราะไม่แน่ใจว่าปล่อยกู้ไปแล้วจะได้เงินคืนหรือไม่

“การลดดอกเบี้ยเพิ่มสภาพคล่องจริง แต่สภาพคล่องที่เพิ่มอาจจะไปไม่ถึงคนที่ต้องการสภาพคล่องอยู่ดี อันนี้จึงเป็นเหตุที่ว่า ไม่ว่า ธปท.หรือใครก็ตามถึงพยายามเร่งรัดในเรื่องของการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างก่อน เพราะว่าถ้าไม่ทำธนาคารพาณิชย์ก็จะไม่ปล่อยกู้อยู่ดี เพราะกลัวหนี้เสีย สุดท้ายรายย่อย ประชาชนก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินนอกระบบอีก” ดร.สมชัยระบุ

ADVERTISMENT

ดัน UpSkill ReSkill เป็นวาระแห่งชาติ เชื่อพลิกประเทศได้

ส่วนการแก้ไขปัญหาจะต้องทำอย่างไรนั้น ดร.สมชัยระบุว่าต้องเดินหน้าการปรับโครงสร้างหนี้ที่ ธปท.กำลังทำคลินิกแก้หนี้อยู่ นอกจากนี้ อาจจะต้องมีเรื่องของการดูแลสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีความเชี่ยวชาญในการปล่อยกู้ให้กับรายย่อย ให้สามารถปล่อยกู้ได้มากขึ้น พร้อม ๆ กับปลอดภัยมากขึ้นด้วย โดยเพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์ลูกค้าให้ดีขึ้น ใช้บิ๊กดาต้าเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ ซึ่งหากร่วมมือกันทํา สุดท้ายก็สามารถปล่อยเงินกู้ไปสู่รายย่อยและประชาชนได้

ส่วนทางด้านนโยบายการคลัง จำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อเพิ่มทักษะทั้ง Upskill และ Reskill คอร์สระยะสั้นให้กับทั้งลูกจ้างและผู้ประกอบการ ซึ่งวิธีการนี้เป็นการเพิ่มความสามารถการแข่งขันที่ดีที่สุด

“ถ้าคนทํางานเก่งขึ้น ประกอบธุรกิจเก่งขึ้น ถึงตอนนั้นสภาพคล่องที่กองอยู่ข้างบนก็จะไหลมาหาเขา เพราะธนาคารพาณิชย์เริ่มกล้าที่จะปล่อยกู้ เพียงแต่รัฐบาลควรจะต้องทําเรื่องนี้ให้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งถ้าทำดี ๆ และทำทุกพื้นที่ทั่วประเทศต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จะสามารถเปลี่ยนประเทศไทยได้ในที่สุด” ดร.สมชัยระบุ